โลกกำลังเข้าใกล้ความขัดแย้งครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนนับตั้งแต่ปี 1945 จากคำเตือนของอเล็กซานดาร์ วูซิช ประธานาธิบดีเซอร์เบียเมื่อวันอังคาร (20 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในนิวยอร์ก ดับความหวังของบรรดาประเทศเล็กๆ ที่คาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น
"คุณเห็นวิกฤตในทุกพื้นที่ของโลก" วูซิช ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ RTS สื่อมวลชนแห่งรัฐของเซอร์เบีย พร้อมอ้างถึง อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่คาดการณ์ด้วยความมืดมน ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติด้วยเช่นกัน
"ผมคิดว่าการคาดการณ์จริงๆ ควรจะมืดมนกว่านี้ด้วยซ้ำ" วูซิชกล่าว "สถานภาพของเราเลวร้ายกว่านั้น เนื่องด้วยสหประชาชาติอ่อนแอลง และถูกควบคุมโดยบรรดามหาอำนาจ และในทางปฏิบัติได้ทำลายระเบียบของสหประชาชาติมาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา"
เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มคำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่มีกำหนดขึ้นปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหลังจากนี้ ทาง วูซิช ระบุว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดากรอบการปราศรัยโดยทั่วไป
"สำหรับเราซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ที่อยากปลอดภัยและมอบความมั่นคงแก่พลเมืองของเรา ไม่มีข่าวดีเลย ผมคาดหมายว่าทุกอย่างจะมุ่งหน้าเข้าเกี่ยวพันในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย แต่รวมถึงระหว่างตะวันตกกับจีนด้วยเช่นกัน" ประธานาธิบดีเซอร์เบียกล่าว
เซอร์เบียอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากอียูและนาโต้ ให้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียและยืนหยัดเคียงข้างตะวันตก อย่างไรก็ตาม วูซิช ยืนกรานเกี่ยวกับการธำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง แต่ก็เน้นย้ำถึงเป้าหมายของเบลเกรดที่ต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกอียู ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต
อียูแจ้งกับเบลเกรดว่าข้อกำหนดเบื้องต้นของการรับเซอร์เบียเป็นรัฐสมาชิก คือพวกเขาจะต้องรับรองเอกราชของโคโซโว อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่ทาง วูซิช ประกาศว่าจะไม่มีวันทำเช่นนั้น
รัสเซียและจีนเป็นหนึ่งในบรรดารัฐบาลต่างๆ ครึ่งค่อนโลกที่ไม่รับรองโคโซโว ซึ่งเคยถูกนาโต้เข้ายึดครองในปี 1999 และเคยประกาศเอกราชแต่เพียงฝ่ายเดียวในปี 2008 ภายใต้แรงสนับสนุนจากสหรัฐฯ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)