เซอร์ไพรส์!! มอสโก-เคียฟแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่ ยูเครนปล่อย ‘คนสนิทปูติน’ รัสเซียยอมคาย ‘นักรบมาริอูโปล’

รัสเซีย และยูเครนทำเซอร์ไพรส์ด้วยการแลกเปลี่ยนนักโทษกันครั้งใหญ่เมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศเรียกระดมทหารกองหนุนบางส่วนเพื่อเสริมกำลังพลซึ่งกำลังสู้รบในยูเครน อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างประเคนขีปนาวุธและลูกจรวดลูกปืนใหญ่ปืนครกให้แก่กันและกันอย่างไม่มีการรามือในวันพฤหัสบดี (22) ทำให้มีผู้ถูกสังหารไปอย่างน้อย 6 คน

กองบัญชาการทหารของกลุ่มโปรรัสเซียในแคว้นโดเนตสก์ ในภาคตะวันออกของยูเครน ที่ประกาศตนเองเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ แถลงประณามกองกำลังฝ่ายยูเครนว่า ยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งโจมตีใส่ตลาดแห่งหนึ่งที่มีหลังคาคลุมในบริเวณใกล้กลางเมืองโดเนตสก์ เมื่อวันฤหัสบดี (22) โดยที่ อเล็กเซ คูเลมซิน นายกเทศมนตรีเมืองโดเนตสก์ ซึ่งเป็นคนของฝ่ายโปรรัสเซีย ระบุว่า การโจมตีทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตไป 6 คน ในจำนวนนี้เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 6 คน

ขณะที่ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์รายหนึ่งซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้เห็นศพของวัยรุ่น 1 คน และคนอื่นๆ อีก 4 คน รวมทั้งพลเมืองที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน

ทางด้านพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายเคียฟออกข่าวว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมืองซาโปริซเซีย ซึ่งอยู่บริเวณภาคใต้ของยูครนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 5 คน

คีรีโล ทีโมเชนโก รองผู้อำนวยการสำนักงานประธานาธิบดียูเครน แถลงว่า มีโรงแรมแห่งหนึ่งในบริเวณตอนกลางของซาโปริซเซีย ถูกโจมตี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ในกองซากหักพัง

ขณะที่ โอเล็กซานดร์ สตารุค ผู้ว่าการแคว้นซาโปริซเซียของฝ่ายเคียฟ แถลงว่า กองกำลังรัสเซียพุ่งเป้าโจมตีพวกสิ่งปลูกสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐาน และยังทำลายพวกอาคารที่พักอาศัยซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ อีกด้วย

ทั้งโดเนตสก์ และซาโปริซเซีย เป็น 2 ใน 4 แคว้นของยูเครน ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่โปรมอสโกวางแผนจัดการลงประชามติเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (23) ว่ายินดีจะผนวกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัคสเซียหรือไม่ ถึงแม้ดินแดนหลายส่วนของ 4 แคว้นนี้ รวมทั้งเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ยังคงอยู่ในการควบคุมของฝ่ายยูเครน

เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดการโจมตีเหล่านี้ รัสเซียกับยูเครนเพิ่งมีการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่เมื่อวันพุธ (21) โดยเป็นการแลกระหว่างนักรบชาวยูเครนและนักรบต่างชาติจำนวน 215 คน กับนักโทษฝ่ายรัสเซียซึ่งยูเครนคุมขังไว้จำนวน 55 คน

ในบรรดาคนของฝ่ายยูเครนที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระคราวนี้ มีทั้งพวกนักรบยูเครนที่เป็นผู้ปกป้องโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัล ในเมืองมาริอูโปล ซึ่งกลายเป็น “ซูเปอร์ฮีโร่” ในสายตาของชาวยูเครนจำนวนมาก ตลอดจนชาวต่างชาติ 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นคนสัญชาติอังกฤษ 5 คน และทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน 2 คน พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่สู้รบเคียงข้างทหารยูเครน

จากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ข่าวของบีบีซีในวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นชายชาวอังกฤษ 2 คนที่ได้รับการปล่อยตัวคราวนี้ ซึ่งกำลังพูดอยู่ภายในเครื่องบินลำหนึ่ง โดยที่ในคลิประบุว่า พวกเขาเดินทางมาถึงกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย

เวลาต่อมา ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า เขาได้แสดงความขอบคุณเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย สำหรับ “การอำนวยความสะดวก” ของเขา ในเรื่องการปล่อยตัวพลเมืองต่างชาติ 10 คนนี้จากที่คุมขังของฝ่ายรัสเซีย ตลอดจน “การเป็นตัวกลาง” ของมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย

ก่อนหน้านั้น เซเลนสกีบอกด้วยว่า ในนักโทษ 55 คนที่ฝ่ายรัสเซียได้รับเป็นการแลกเปลี่ยน คนหนึ่งคือ วิกตอร์ เมดเวดชุก นักการเมืองฝ่ายค้านในยูเครนซึ่งเคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และเป็นพันธมิตรคนหนึ่งของประธานาธิบดีปูติน ซึ่งถูกคณะรัฐบาลเซเลนสกีกล่าวหาว่าทรยศชาติ

สำหรับการประกาศระดมพลของ ปูติน ซึ่งรัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู ของรัสเซียระบุว่า จะเรียกกำลังพลไม่เกิน 300,000 คนนั้น ทางด้านกลุ่มติดตามสถานการณ์ โอวีดี-อินโฟ อ้เงว่า มีประชาชนกว่า 1,300 คนใน 38 เมืองของรัสเซีย ถูกควบคุมตัวขณะออกมาประท้วงต่อต้านสงครามเมื่อวันพุธ (21) โดยหลังจากถูกจับแล้ว มีบางคนได้รับหมายเรียกไปรายงานตัวเพื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหารในวันพฤหัสฯ (22) ซึ่งเป็นวันแรกของการเกณฑ์ทหาร

การเรียกระดมพลคราวนี้ ซึ่งถูกพวกผู้นำตะวันตกเยาะหยันว่า เป็นพฤติการณ์แสดงถึงความอ่อนแอและความสิ้นหวัง ยังถูกประโคมข่าวลือว่าอาจจะมีการเกณฑ์ทหารกันอย่างกว้างขวางกว่านี้อีก ส่งผลให้มีชาวรัสเซียบางคนแห่กันไปซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อหลบหนีออกนอกประเทศ

รอยเตอร์รายงานว่า เที่ยวบินในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้สำหรัคบการเดินทางออกจากรัสเซียไปยังพวกประเทศใกล้เคียง ต่างถูกขายหมดเกลี้ยง นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่าตามถนนออกจากรัสเซียไปยังพวกประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีรถราติดกันยาวเช่นกัน

ขณะที่ ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลิน แถลงว่า การระดมพลคราวนี้มีความจำเป็น เนื่องจากรัสเซีย “กำลังเผชิญหน้าในทางพฤตินัยกับองค์การนาโต้ทั้งองค์การ”

เปสคอฟ แถลงในเวลาต่อมาว่า “ข้อมูลข่าวสารที่ว่ามีความคับคั่งหนาแน่นที่สนามบินและอะไรทำนองนั้น เป็นเรื่องที่พูดกันเกินเลยความจริงไปมาก ... มีข้อมูลข่าวสารปลอมจำนวนมากในเรื่องนี้ เราจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อที่จะไม่กลายเป็นเหยื่อของข้อมูลข่าวสารปลอมในเรื่องนี้”

(ที่มา : รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)