xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์การสู้รบในยูเครน (16 มิถุนายน) : กดดันเซเลนสกีให้อ่อนข้อเจรจากับรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อูเว พาร์พาร์ต ***


(จากซ้าย) นายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี, นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี, ประธานาธิบดีโวโลดมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน, ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, และประธานาธิบดีเคลาส์ อิโอฮันนิส ของโรมาเนีย ประชุมหารือกันที่วังมารินสกี้ ในกรุงเคียฟ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Ukraine – The Situation (June 16)
By UWE PARPART
17/06/2022

“พวกเขาจะไปให้สัญญาแก่ยูเครนในเรื่องการเป็นสมาชิกอียู รวมทั้งการจัดส่งปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์เก่าๆ ไปให้ สาดเหล้าวอดก้าลงท้อง แล้วก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟ เหมือนกับเมื่อ 100 ปีก่อน”

เอเชียไทมส์มุ่งหมายจัดทำรายงานสถานการณ์สงครามยูเครนเช่นนี้ออกมาเสนอในแบบเกือบเป็นประจำทุกวัน โดยอิงอยู่กับแหล่งข่าวทั้งทางฝ่ายทหารและพวกหน่วยงานคลังสมองต่างๆ อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ถือเป็นความพยายามอย่างตรงไปตรงมาของเราที่จะทะลุทะลวงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อและการปล่อยข้อมูลข่าวสารออกมาอย่างผิดๆ ของทุกๆ ฝ่าย ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดม่านหมอกแห่งสงครามที่คอยปกปิดบดบังความเป็นจริงเอาไว้

สรุปสาระสำคัญและภาพรวม

นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ของอิตาลี เดินทางด้วยขบวนรถไฟพิเศษถึงกรุงเคียฟ เมื่อวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) ท่ามกลางข่าวลือแพร่สะพัดจนทั่วว่าพวกเขาไปทำอะไร

ดี เวลท์ (Die Welt) หนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญของเยอรมนีตั้งคำถามว่า “พวกเขากำลังจะบีบคั้นให้เซเลนสกีเข้าสู่โต๊ะเจรจาหรือ?”

ในวันศุกร์ (17 มิ.ย.) คณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู จะออกข้อเสนอแนะระบุว่า ควรให้ฐานะผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปแก่ยูเครน (มีข้อน่าสังเกตว่า ตุรกีนั้นมีฐานะเป็นผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกอียู มาตั้งแต่เดือนเมษายน 1987 แล้ว)

ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำเนียบขาวก็ประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟอีกก้อนหนึ่งมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์

ส่วนที่สำคัญคือ ปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์ 155 มม.จำนวน 18 กระบอก พร้อมลูกกระสุน 36,000 นัดสำหรับใช้กับปืนใหญ่เหล่านี้ รวมทั้งยานยนต์ทางยุทธวิธีสำหรับลากปืนใหญ่อีก 18 คัน

เยอรมนีก็กำลังจะจัดส่งระบบจรวดหลายลำกล้อง MRLS (Mars 2) ให้จำนวน 4 ชุด ทว่ามีเครื่องกระสุนให้สำหรับ 3 ชุดเท่านั้น นั่นทำให้จำนวนระบบจรวดหลายลำกล้องที่ยูเครนจะได้รับทั้งหมดคือ 10 ชุด เป็น Himars ของสหรัฐฯ 4 ชุด 207 ม.ม.ของสหราชอาณาจักร 3 ชุด และ Mars 2 ของเยอรมนีอีก 3 ชุด

กองกำลังยูเครนในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ (Severodonetsk) ถูกตัดขาดต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโรงงานปุ๋ยอาซอต (Azot fertilizer plant) ขณะที่สะพานข้ามแม่น้ำโดเนตส์ (Donets River) ทั้ง 3 สะพานถูกทำลายเสียหายยับเยินแล้ว

เวลาเดียวกัน กองกำลังรัสเซียส่วนที่รุกออกมาจากเมืองอีซุม (Izyum) และเมืองลีมาน (Lyman) ยังคงบดบี้กองกำลังยูเครนในทิศทางตะวันออกเฉียงใต้มุ่งสู่เมืองสโลเวียนสก์ (Sloviansk) และเมืองซีเวอร์สก์ (Siversk) ขณะที่กองกำลังรัสเซียส่วนซึ่งออกมาจากเมืองโปปาสนา (Popasna) ก็กำลังดันขึ้นเหนือเพื่อไปเชื่อมต่อกัน

ประธานาธิบดีไบเดน ของสหรัฐฯ บอกกับพวกเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา ให้เพลาๆ ถ้อยคำโวหารเรื่องชัยชนะเหนือรัสเซียลงมา ทั้งนี้ตามรายงานของเอ็นบีซีนิวส์

พล.ต.ดมิตริ มาร์เชนโค (Major General Dmitry Marchenko) ของยูเครน บอกกับสถานีวิทยุในเครือของวิทยุยุโรปเสรี (Radio Free Europe) ว่า ยูเครนจะพุ่งเป้าหมายโจมตีสะพานยาวที่สุดของยุโรปซึ่งเชื่อมแผ่นดินใหญ่ของรัสเซียกับแหลมไครเมียโดยทอดข้ามช่องแคบเคอร์ช (Kerch Strait) เมื่อยูเครนสามารถหาอาวุธที่ทำเช่นนั้นได้มาไว้ในครอบครอง

สำหรับภูมิภาคคาร์คิฟ (Kharkiv) และภูมิภาคอื่นๆ ทางภาคใต้ ในช่วงนี้แทบไม่มีหรือกระทั่งไม่มีรายงานว่ามีกิจกรรมใดๆ


ภาคกลางและภาคตะวันออก

พื้นที่นี้ยังคงเป็นยุทธบริเวณที่คึกคักที่สุด

กองกำลังรัสเซียได้โอบล้อมกองกำลังยูเครนกองสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ตลอดจนพลเรือนจำนวนหนึ่งเอาไว้ในโรงงานปุ๋ยเคมีอาซอต ในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ข้อเสนอของฝ่ายรัสเซียเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ให้คนเหล่านี้ยอมจำนน ได้รับการปฏิเสธ –แบบเดียวกับที่เคยขึ้นในเมืองมาริอูโปล

กำลังเสริมของฝ่ายรัสเซียกำลังหลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ภาคพื้นดินในจุดที่กำหนดเอาไว้แห่งต่างๆ ทั้งทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือและทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองศูนย์กลางการขนส่งคมนาคมอย่างสโลเวียนสก์

บล็อกของนักข่าวรายหนึ่งบันทึกสถิติเอาไว้ว่า พวกจรวดหลายลำกล้องของรัสเซียแบบที่บรรจุจรวดได้ 40 ลูก ถูกยิงออกไป 7 ชุดภายในเวลา 1 นาที ที่บริเวณด้านใต้ของเมืองสเวียโตคีร์สก์ (Sviatokirsk)

ขณะที่ฝ่ายเสนาธิการใหญ่ยูเครน (Ukraine General Staff หรือ UGS) บอกว่า รัสเซียกำลังใกล้จะเข้าโจมตีเมืองไรโฮโรดอค (Raihorodok) เต็มที แล้วจากนั้นก็จะถึงคิวเมืองสโลเวียนสก์

การโจมตีของฝ่ายรัสเซียต่อพวกเมืองเล็กๆ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองโปปาสนา และในทิศทางตะวันตกมุ่งสู่เมืองบัคมุต ยังคงดำเนนต่อไป ถนนสายหลักระหว่างมัคมุต กับลีซีชานสก์ในด้านตะวันออก กำลังถูกจรวดและปืนใหญ่ฝ่ายรัสเซียถล่มใส่อย่างสม่ำเสมอ และเวลานี้ส่วนใหญ่ใช้การไม่ได้แล้ว

การประเมิน

ปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายนโยบาย (US Undersecretary of Defense for Policy) โคลิน เคห์ล (Colin Kahl) กล่าวเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนว่า : “เราจะไม่ไปบอกฝ่ายยูเครนหรอกว่าจะเจรจายังไง จะเจรจาเรื่องอะไรบ้าง และจะเจรจาเมื่อใด พวกเขาจะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ ด้วยตัวพวกเขาเอง”

อย่างที่หนึ่งในแหล่งข่าวสหรัฐฯ หลายๆ รายของเรา พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า
สหรัฐฯ จะไม่พยายามจัดทำทิศทางการเคลื่อนไหวให้แก่ยูเครน แม้กระทั่งขณะที่เรายังคงจัดหาจัดส่งอาวุธให้พวกเขาอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ... อาวุธจากคลังของเราเอง ... พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ยูเครนเป็นผู้ออกคำสั่ง และเราเป็นผู้ตอบสนอง ... พวกเขาเป็นฝ่ายที่นำในความสัมพันธ์นี้ และเราเป็นผู้ที่ต้องขึ้นต่อ สหรัฐฯ ไม่ควรที่จะทำงานเพื่อผลักดันผลประโยชน์ของยูเครนอย่างชนิดเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น สหรัฐฯ ควรที่จะต้องคอยติดตามเสาะหาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง

ตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญอย่างหนึ่ง เป้าหมายของสหรัฐฯ นั้นขาดการจำกัดความที่ชัดเจน แบบเดียวกับที่ได้เคยเกิดขึ้นในหลายๆ วาระโอกาสในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

ถ้าหากเป็นอย่างที่ ไบเดน พูดเอาไว้กับบลิงเคน และออสติน จริงๆ ที่ว่าจุดมุ่งหมายไม่ใช่เพื่อที่จะทำให้ฝ่ายรัสเซียเป็นฝ่ายปราชัยและทำให้ ปูติน หลุดออกจากตำแหน่ง แล้วการรณรงค์ทำสงครามคราวนี้จะยุติลงที่ตรงไหน?

ถึงเวลานี้ ยูเครนกำลังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และตามการคาดการณ์อย่างน้อยที่สุดก็จากบางฝ่ายระบุว่า กำลังเกือบจะถึงจุดแตกหักด้วยซ้ำไป อาวุธหนักต่างๆ จำนวนเพิ่มมากขึ้นจากฝ่ายตะวันตกสามารถที่จะยืดเวลาออกไป แต่จะไม่สามารถพลิกกลับผลลัพธ์ที่น่าจะต้องเกิดขึ้นมาได้หรอก

รัสเซียมีความพึงพอใจที่จะดำเนินสงครามพร่ากำลัง (attrition warfare) อย่างช้าๆ ก่อนหน้าสงครามคราวนี้ จีดีพีของรัสเซียอยู่ในระดับสิบเท่าตัวของยูเครน รัสเซียเวลานี้ยึดครองยูแครนเอาไว้แล้ว 25% แต่สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือมันเป็น 25% ซึ่งสร้างผลผลิตทางอุตสาหกรรมเกือบๆ 75% ของยูเครน นี่เป็นคณิตศาสตร์อย่างง่ายๆ ที่ทำให้ทราบว่าใครเป็นผู้ชนะในสงครามพร่ากำลัง

ดมิตริ เมดเดเวฟ (Dmitry Medvedev) รองประธานของสภาความมั่นคงรัสเซีย (Russian Security Council) แสดงความคิดเห็นทางทวิตเตอร์ เกี่ยวกับการที่ ชอลซ์ มาครง และ ดรากี ไปเยือนกรุงเคียฟ เอาไว้ดังนี้:
พวกเขาจะไปให้สัญญาแก่ยูเครนในเรื่องการเป็นสมาชิกอียู รวมทั้งการจัดส่งปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์เก่าๆ ไปให้ สาดเหล้า ฮอริลก้า (horilka เหล้าวอดก้ายูเครน) ลงท้อง แล้วก็เดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟ เหมือนกับเมื่อ 100 ปีก่อน ... ทุกๆ อย่างดีไปหมด

 ประธานาธิบดีโวโลดมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน
กำลังโหลดความคิดเห็น