xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์การสู้รบในยูเครน (13 มิถุนายน) : เสียสละทหารในเมืองซีวีโรโดเนตสก์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อูเว พาร์พาร์ต ***


กลุ่มควันและฝุ่นผงฟุ้งขึ้นมาเหนือท้องฟ้าเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ในภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ท่ามกลางการสู้รบดุเดือดระหว่างกองกำลังยูเครนกับกองกำลังรัสเซีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Ukraine – The Situation (June 13)
By UWE PARPART
14/06/2022

สะพานข้ามแม่น้ำโดเนตส์ที่เชื่อมระหว่างเมืองซีวีโรโดเนตสก์ กับเมืองลีซีชานสก์ แห่งสุดท้ายถูกทำลายแล้ว ทำให้กองกำลังยูเครนซึ่งยังอยู่ในซีวีโรโดเนตสก์ ติดกับไปไหนไม่ได้

เอเชียไทมส์มุ่งหมายจัดทำรายงานสถานการณ์สงครามยูเครนเช่นนี้ออกมาเสนอในแบบเกือบเป็นประจำทุกวัน โดยอิงอยู่กับแหล่งข่าวทั้งทางฝ่ายทหารและพวกหน่วยงานคลังสมองต่างๆ อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ถือเป็นความพยายามอย่างตรงไปตรงมาของเราที่จะทะลุทะลวงผ่านการโฆษณาชวนเชื่อและการปล่อยข้อมูลข่าวสารออกมาอย่างผิดๆ ของทุกๆ ฝ่าย ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดม่านหมอกแห่งสงครามที่คอยปกปิดบดบังความเป็นจริงเอาไว้

สรุปสาระสำคัญและภาพรวม

แหล่งข่าวรัสเซียหลายรายอ้างว่า ขีปนาวุธร่อน (cruise missile) จำนวน 10 ลูกของฝ่ายตนที่ยิงมาจากทะเลดำ ได้ทำลายคลังสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเก็บพวกอาวุธที่ได้รับจากชาติตะวันตกทั้งหลาย ณ เมืองชอร์ตคิฟ (Chortkiv) เมืองทางด้านตะวันตกของยูเครน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลวิฟ (Lviv) ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราวๆ 200 กิโลเมตร ผู้ว่าการของแคว้นเตอร์โนปิล (Ternopil) ที่มีชอร์ตคิฟอยู่ในสังกัด ยืนยันว่าเกิดการโจมตีขึ้นจริง แต่ลดทอนน้ำหนักความเสียหายที่เกิดขึ้นมา

ทางด้าน วาดิม สกิบิตสกี (Vadym Skibitsky) รองเจ้ากรมของกรมการข่าวทหาร (Military Intelligence Directorate) ของยูเครน แถลงว่า รัสเซียเวลานี้นำเอากำลังทหารจำนวน 103 กลุ่มกองพันยุทธวิธี (Battalion Tactical Group หรือ BTG) เข้าสู่สงคราม และยังมีสำรองเอาไว้อีก 40 กลุ่มกองพันยุทธวิธี เขาบอกด้วยว่า ยูเครน “กำลังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามต่อสู้กันด้วยจรวดและปืนใหญ่กับรัสเซีย สมมติว่ายูเครนยิงจรวดและปืนใหญ่ไปราว 5,000-6,000 ลูก/นัดต่อวัน แต่ฝ่ายรัสเซียยิงในปริมาณ 10 เท่าของจำนวนนั้นหรือมากกว่านั้นอีก”

ปริมาณ 10 เท่าหรือกว่านี้ ที่เขาพูดนี้น่าที่จะเว่อเกินจริง แต่รายงานจากภาคสนามหลายๆ ชิ้นก็ยืนยันว่า เวลานี้กองกำลังยูเครนกำลังเหลือเครื่องกระสุนสำหรับใช้กับพวกอาวุธปืนใหญ่และจรวดจากยุคโซเวียตของพวกเขาในระดับต่ำมากๆ แน่นอนล่ะ กระทั่งถ้าอัตราส่วนการยิงจรวดและปืนใหญ่อยู่เพียงแค่ในระดับ 3 ต่อ 1 หรือ 4 ต่อ 1 กองกำลังยูเครนก็ย่อมตกอยู่ในความลำบากอยู่ดีและต้องการได้อาวุธเครื่องกระสุนเพิ่มเติมจากฝ่ายตะวันตก ... ซึ่งนี่ก็น่าที่จะเป็นข้อความสำคัญในการรายงานของ สกิบิตสกี

สำหรับสถานการณ์ที่เมืองซีวีโรโดเนตสก์ (Severodonetsk) สะพานแห่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของ 3 สะพานซึ่งทอดข้ามแม่น้ำโดเนตส์ (Donets River) เชื่อมระหว่างเมืองซีวีโรโดเนตสก์ กับเมืองลีซีชานสก์ (Lysychansk) ได้ถูกทำลายแล้ว นี่ทำให้กองกำลังยูเครนติดกับไปไหนไม่ได้ โดยที่พวกเขาจำนวนหลายร้อยคนทีเดียวถูกล้อมเอาไว้ในโรงงานปุ๋ยเคมี อาซอต (Azot chemical fertilizer plant) ในฉากทัศน์แบบมาริอูโปล 2 (Mariupol 2)

ไกลออกไปทางตะวันตก กองกำลังรัสเซียยังคงค่อยๆ รุกอย่างต่อเนื่องเพื่อปิดปากคีมตรงแนวเส้นระหว่างเมืองลีมานถึงเมืองโปปัสนา (the Lyman-to-Popasna pincer) โดยที่เวลานี้เหลือระยะทางอยู่อีกราวๆ 20 กิโลเมตร ทั้งนี้การปฏิบัติการของรัสเซียที่สำคัญที่สุดตรงนี้ คือการรุกจากทางเหนือมุ่งสู่เมืองซีเวอร์สก์ (Siversk)

สำหรับในภาคใต้ของยูเครน ยังเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่การปฏิบัติการอยู่ในขอบเขตเพียงจำกัด ขณะที่กองกำลังรัสเซียกำลังเสริมที่มั่นต่างๆ ของตนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในบริเวณด้านตะวันตกของเคอร์ซอน (Kherson) – และพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการยึดครองก็กำลังออกพาสปอร์ตรัสเซียให้แก่ผู้คนที่นั่น

ทางดานกองกำลังรัสเซียบนเกาะงู (Snake Island) ที่เป็นก้อนหินใหญ่ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในทะเลดำตั้งอยู่ระหว่างเมืองโอเดสซา (Odessa) กับช่องแคบบอสฟอรัส (Bosporus) ได้รับขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานยิงจากภาคพื้น (SAM) แบบ SA-15 Tor (พิสัยทำการ 15 ไมล์) และแบบ SA-22 Pansir (พิสัย 11 ไมล์) ขณะที่รัสเซียยังคงเสริมสร้างเกาะนี้ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ภาคกลางและภาคตะวันออก

ตามคำแถลงของ พล.อ.ซาลุซนี (General Zaluzhny) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพยูเครน (Commander-in-Chief of the Armed Forces of Ukraine) ฝ่ายรัสเซียใช้กำลังพล 7 กลุ่มกองพันยุทธวิธีในการสู้รบในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ จากการที่ทั้งกระทรวงกลาโหมของยูเครนและของรัสเซียในเวลานี้ต่างอ้างว่าสะพานข้ามแม่น้ำไปเมืองลีซีชานสก์ทุกสะพานถูกทำลายหรือใช้การไม่ได้แล้ว กองกำลังยูเครนซึ่งยังอยู่ในซีวีโรโดเนตสก์จึงเท่ากับถูกตัดขาดและติดกับ แล้วก็อย่างที่เคยเกิดขึ้นในเมืองมาริอูโปลก่อนหน้านี้ กองทหารรัสเซียจะใช้วิธีรอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสม

ข้ามแม่น้ำสายนี้ไปอีกฟากหนึ่ง ทางทิศใต้ของลีซีชานสก์ กองกำลังรัสเซียยังคงพยายามกดดันเมืองเล็กๆ เชื่อ ตอชคิฟคา (Toshkivka) แต่ไม่ประสบความสำเร็จในการเข้ายึด ห่างออกไปราวๆ 2 ไมล์ทางทิศใต้ของ ตอชคิฟคา มีสะพานข้ามแม่น้ำโดเนตส์ที่ยังใช้งานได้และอยู่ในความควบคุมของรัสเซียอยู่แห่งหนึ่ง กองทหารรัสเซียกำลังเคลื่อนออกมาจากซีวีโรโดเนตสก์ โดยดูเหมือนได้รับคำสั่งให้เข้าตีซีลีชานสก์

คำถามในเวลานี้ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่ห่างออกไปอีกทางตะวันตก ใกล้ๆ เมืองซีเวอร์สก์ และเมืองสโลเวียนสก์ (Sloviansk)

ตามคำบอกเล่าของแหล่งข่าวนาโต้หลายรายซึ่งโฟกัสความสนใจอยู่ที่การสู้รบด้วยการใช้กำลังเป็นรูปคีมโอบล้อมข้าศึกเหล่านี้ กองกำลังฝ่ายรัสเซียซึ่งอยู่แถวพื้นที่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอีซุม (Izyum) ยังคงรุกคืบหน้ามุ่งสู่สโลเวียนสก์ และเข้ายึดเมืองเล็กๆ อีกเมืองหนึ่งเอาไว้ได้ นั่นคือ โบโฮโรดีชนี (Bohorodychne) ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโดเนตสก์ ห่างราวๆ 10 กิโลเมตรจากด้านเหนือ-ตะวันตกของสโลเวียนสก์

กองกำลังรัสเซียส่วนที่กำลังรุกออกมาโปปัสนา ยังคงเข้าโจมตีเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆ ทางด้านใต้ของถนนสายบัคมุต-ซีวีโรโดเนตสก์ (Bahkmut-Severodonetsk road) แต่สามารถคืบหน้าไปได้เพียงเล็กน้อย และถนนสายนี้ยังคงเปิดให้แก่การจราจรเพื่อสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงของฝ่ายยูเครน

การประเมินผล

ด้วยเหตุผลต่างๆ ทางการเมือง ตลอดจนเมื่อคำนึงถึงปัจจัยเรื่องระยะเวลาที่สำคัญยิ่งยวด ฝ่ายเสนาธิการใหญ่ของกองทัพยูเครน (Ukrainian General Staff) ดูเหมือนตัดสินใจที่จะเสียสละกองทหารซึ่งกำลังรักษาที่มั่นต่างๆ ในซีวีโรโดเนตสก์ แทนที่จะสั่งถอยทัพออกไป ขณะที่พวกสะพานข้ามแม่น้ำโดเนตส์ ยังคงใช้การได้

เรื่องนี้ได้รับการบ่งชี้ออกมาอย่างชัดๆ ในระหว่างการบรรยายสรุปซึ่ง พล.อ.ซาลุซนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของยูเครน บอกกับพล.อ.มิลลีย์ (General Milley) ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ

ซาลุซนีเน้นย้ำเรื่องที่ฝ่ายรัสเซียเหนือกว่ามากในด้านอาวุธจรวดและปืนใหญ่ และร้องขอ มิลลีย์ “ช่วยเหลือให้เราได้รับระบบจรวดและปืนใหญ่ที่มีขนาดลำกล้องมากกว่า 155 มม. ภายในเวลาสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

มิคไฮโล โปโดลยัค (Mykhailo Podolyak) ที่ปรึกษาคนหนึ่งของประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็ได้ส่งข้อความในทำนองเดียวกันนี้ออกมา โดยระบุว่า “เราต้องการได้ปืนใหญ่เฮาวิตเซอร์ขนาดลำกล้อง 155 มม. 1,000 ชุด MLRS (ระบบจรวดหลายลำกล้อง) 300 ชุด รถถัง 500 คัน ยานหุ้มเกราะ 2,000 คัน โดรน 1,000 ลำ”

แต่เมื่อพิจารณาจากความเหนือกว่าของรัสเซียในเรื่องจำนวนของปืนใหญ่และเครื่องยิงจรวดตลอดจนเครื่องกระสุน ความเหนือกว่าของรัสเซียในด้านทรัพยากรกำลังพล และอัตราการบาดเจ็บล้มตายของฝ่ายยูเครนที่อยู่ในระดับสูงและกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ยุทธศาสตร์ “การป้องกันอย่างองอาจกล้าหาญ” ของฝ่ายเสนาธิการใหญ่ยูเครน น่าจะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นการคำนวณที่ผิดพลาด การสูญเสียกำลังพลและอุปกรณ์ขนาดหนัก ตลอดจนการขาดไร้เครื่องกระสุน อาจนำไปสู่การสูญเสียการวางเดิมพันที่จะยอมเสียสละกำลังพลและดินแดนเพื่อแลกเปลี่ยนกับเวลา

ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยว่า ภัยคุกคามจากการที่ฝ่ายตะวันตกจัดส่งอาวุธมาให้เพิ่มขึ้น กำลังทำให้คณะผู้นำรัสเซียต้องเร่งรัดขึ้นอย่างมากมายอะไรในการปิดปากคีมการเข้าโอบล้มพื้นที่ส่วนที่นูนออกมาของดอนบาส (Donbas salient)

กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร

ปิดท้ายรายงานสถานการณ์คราวนี้ ขอพูดถึงเรื่องของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรอีกเรื่องหนึ่ง ตามที่หนึ่งในผู้สังเกตการณ์ฝ่ายอเมริกันของเราได้บอกเล่าให้ฟัง ดังนี้:

กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรให้ความเห็นว่า ฝ่ายรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธแบบ KH-22 (AS-4) (ตามชื่อแล้วนี่เป็นขีปนาวุธต่อสู้เรือ) จำนวน 2 ลูก เข้าเล่นงานพวกเป้าหมายภาคพื้นดินในยูเครนตะวันออก พร้อมกับชี้ชวนให้เห็นว่า มันเป็นขีปนาวุธล้าสมัยในยุค “สงครามเย็น” การกล่าวอย่างนี้มีทั้งส่วนที่ถูกและส่วนที่ผิด ขีปนาวุธนี้ (KH-22 ที่รัสเซียยิงคราวนี้) เป็นรุ่นที่ออกแบบไว้เก่าก่อน แต่ก็ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยแล้ว และเหมือนๆ กับขีปนาวุธใช้ยิงโจมตีภาคพื้นส่วนมาก มันติดตั้งระบบนำร่องเฉื่อย (inertial navigation system หรือ INS) สำหรับชี้นำทิศทาง รวมทั้งมีส่วนหัวที่เป็นตัวค้นหาเป้าหมายด้วยเรดาร์ (active radar seeker head) ส่วนหัวที่เป็นตัวค้นหาเป้าหมายนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ติดตามเรือรบ ดังนั้นจึงใช้อะไรไม่ได้มากนักในภาคพื้นดิน (ถึงแม้นี่ไม่ได้เป็นความจริงเสมอไปสำหรับขีปนาวุธต่อสู้เรือทุกๆ ชนิดก็ตามที) แต่ในเรื่องความแม่นยำแล้วมันยังคงเป็นการทำงานของ INS นั่นแหละ ซึ่งเป็นระบบนำทางอย่างที่ MLRS ชนิดต่างๆ ใช้กันอยู่ พูดโดยสรุปก็คือ ถ้าหากมันเป็นระบบที่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยแล้ว มันมีความแม่นยำ (หรือไม่แม่นยำ) พอๆ กับจรวดโจมตีทางภาคพื้นดินชนิดอื่นๆ ทั้งหลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น