xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนอ้าง ‘เมืองซีวีโรโดเนตสก์’ ยังไม่ถูกตัดขาด ด้านรัสเซียให้พวกทหารที่ยังซ่อนตัวใน ‘โรงงานเคมี’ ออกมายอมแพ้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยูเครนระบุในวันอังคาร (14 มิ.ย.) ว่า กองกำลังของฝ่ายตนยังคงยึดที่มั่นภายในเมืองซีวีโรโดเนตสก์เอาไว้ หลังรัสเซียถล่มทำลายสะพานแห่งสุดท้ายที่เชื่อมเมืองในภาคตะวันออกแห่งนี้กับโลกภายนอก ซึ่งอาจจะกลายเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในสงครามที่สู้รบกันอย่างนองเลือดคราวนี้

ฝ่ายรัสเซียแถลงว่า จะให้เวลาพวกนักรบยูเครนที่ยังคงฝังตัวอยู่ในโรงงานเคมีแห่งหนึ่งภายในเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ออกมายอมจำนนในตอนเช้าวันพุธ (15) โดยที่สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของทางการรัสเซีย อ้างคำพูดของ มิคฮาอิล มิซินต์เซฟ หัวหน้าศูนย์บริหารการป้องกันแห่งชาติของรัสเซียที่แถลงว่า พวกนักรบยูเครนเหล่านี้ควร “ยุติการต่อต้านอย่างไร้สติของพวกตน และวางอาวุธ” ตั้งแต่เวลา 08.00 น.ตามเวลากรุงมอสโก

เขาบอกด้วยว่า สำหรับพลเรือนจะได้รับอนุญาตให้ออกมาโดยผ่าน “พื้นที่ระเบียงมนุษยธรรม”

ขณะที่ โอเลคซานดร์ สตริอุก นายกเทศมนตรีเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ของฝ่ายกรุงเคียฟ บอกว่า รัสเซียได้ยิงจรวดและปืนใหญ่ทำลายสะพานแห่งที่ 3 ที่ข้ามแม่น้ำซีเวอร์สกี โดเนตสก์ ไปยังเมืองลิซีชานสก์ เมืองแฝดซึ่งอยู่คนละฟากแม่น้ำกับซีวีโรโดเนตสก์แล้ว สะพานแห่งนี้เป็นเพียงแห่งเดียวที่ยังอยู่ในการควบคุมของฝ่ายยูเครน

เขาบอกว่ากองทหารรัสเซียกำลังพยายามรุกใหญ่เข้ามาในเมือง แต่ทหารยูเครนยังคงปักหลักป้องกันเมืองอย่างเหนียวแน่น โดยมีการสู้รบตลอดทั้งวันและสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทุกชั่วโมงพร้อมยืนยันว่า เมืองซีวีโรโดเนตสก์ยังไม่ถูกโดดเดี่ยวอย่างที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรมอสโกบอก

ยูเครนอ้างด้วยว่า มีพลเรือนกว่า 500 คนติดอยู่ภายในโรงงานเคมี “อาซอต” โดยที่กองกำลังยูเครนได้ใช้โรงงานใหญ่แห่งนี้เป็นที่มั่นในการต้านทานการถล่มทิ้งระเบิดและโจมตีอย่างหนักน่วงของฝ่ายรัสเซียมาหลายสัปดาห์แล้ว

สตริอุกบอกว่า ยังคงมีการอพยพพลเรือนออกมา “อยู่ทุกๆ นาทีเมื่อการโจมตีสงบลง และยังคงมีความเป็นไปได้ในเรื่องการขนส่ง” กระนั้นเขาบอกด้วยว่า “แต่การอพยพเหล่านี้เป็นการกระทำอย่างลับๆ ขนออกไปทีละคน และเข้าฉวยคว้าโอกาสที่เป็นไปได้ทุกๆ โอกาส”

ด้าน เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งใช้เมืองซีวีโรโดเนตสก์เป็นเมืองเอกชั่วคราว หลังจากเมืองโดเนตสก์ถูกฝ่ายแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียยึดไปตั้งแต่ปี 2014 กล่าวว่า การโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่ของฝ่ายรัสเซียตอนนี้หนักหน่วงมาก จนกระทั่งผู้คนไม่สามารถทนอยู่ภายในที่หลบภัยได้ ภาวะด้านจิตวิทยาของพวกเขากำลังมาถึงขอบที่จะทนไม่ไหว ดังนั้นในช่วงไม่กี่วันท้ายๆ มานี้ ชาวบ้านชาวเมืองที่เดิมไม่อยากจะอพยพ ตอนนี้ก็พร้อมที่จะไปแล้วในที่สุด

ก่อนหน้านี้ เดเมียน มากรู โฆษกอินเตอร์ของกองกำลังทหารต่างชาติเพื่อการป้องกันยูเครน ที่มีกองกำลังอยู่ในซีวีโรโดเนตสก์ กล่าวว่า สถานการณ์ในเมืองนี้เสี่ยงที่จะประสบชะตกรรมเดียวกับมาริอูโปลคือ ทหารยูเครนกลุ่มหนึ่งถูกตัดขาดจากกองกำลังที่เหลืออยู่ โดยเข้าไปกบดานอยู่ในโรงงานเหล็กกล้าอซอฟสตัล ก่อนที่เมืองนี้จะถูกตีแตกเมื่อเดือนที่แล้ว

สำหรับพวกผู้นำยูเครน ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้งให้ตะวันตกจัดส่งอาวุธหนักอย่างเร่งด่วนเพื่อช่วยปกป้องเมืองซีวีโรโดเนตสก์ที่เคียฟระบุว่า เป็นสมรภูมิสำคัญในการสู้รบตัดสินชะตากรรมภูมิภาคดอนบาส ในตะวันออกของประเทศ รวมทั้งอาจชี้ชะตาสงครามคราวนี้ที่ขณะนี้ยืดเยื้อเป็นเดือนที่ 4

ทั้งนี้ มิกไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า เคียฟต้องการปืนครก 1,000 กระบอก รถถัง 500 คัน โดรน 1,000 ลำ และอาวุธหนักอื่นๆ

ขณะเดียวกัน เมื่อคืนวันจันทร์ เซเลนสกีกล่าวว่า การสู้รบในดอนบาสอาจกลายเป็นหนึ่งในสงครามที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป

วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน ย้ำว่า เป้าหมายหลักของรัสเซียคือปกป้องโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่รวมกันเป็นภูมิภาคดอนบาส ทั้งนี้หลังจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งได้ประกาศตัวเองเป็นสาธารณรัฐประชาชน ได้ร้องขอกำลังเพิ่มจากมอสโก

นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังแถลงว่า ขีปนาวุธความแม่นยำสูงที่ยิงจากอากาศสามารถทำลายคลังอาวุธและอุปกรณ์ของอเมริกาและยุโรปใกล้สถานีรถไฟในอูดาชเน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองโดเนตสก์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (12)

มอสโกวิจารณ์อเมริกาและชาติอื่นๆ ที่จัดส่งอาวุธให้ยูเครน พร้อมขู่โจมตีเป้าหมายใหม่ๆ หากตะวันตกส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้เคียฟ

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น