รัสเซียแถลงในวันอังคาร (17 พ.ค.) ว่าทหารยูเครนจำนวน 265 คนในโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัล ที่เมืองมาริอูโปล ได้วางอาวุธยอมแพ้แล้ว ทางด้านกรุงเคียฟรีบออกมาเรียกร้องให้มีการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกัน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในวันอังคาร (17 พ.ค.) ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักรบยูเครนซึ่งยังคงอยู่ภายในโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัล ที่เมืองมาริอูโปล จำนวน 265 นายได้วางอาวุธและยอมจำนน ซึ่งรวมถึงนักรบ 51 นายที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับการส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลในเมืองโนโวซอฟสก์ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งรัสเซียควบคุมอยู่
ทางกระทรวงยังเผยแพร่วิดีโอและภาพถ่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกทหารที่ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่บนเปลสนาม กำลังถูกลำเลียงออกมา และมีทหารบางคนกำลังถูกฝ่ายรัสเซียตรวจค้นร่างกาย แล้วยังมีหลายคนกำลังถูกนำตัวขึ้นรถโดยสารหลายคัน
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ฝ่ายยูเครน ระบุว่า นักรบ 264 คนจากอาซอฟสตัลถูกนำไปยังเมืองโอเลนิฟกา ที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย และโดยที่รองนายกรัฐมนตรีแอนนา มัลยาร์ ของยูเครนอ้างว่า นักรบที่อพยพทั้งหมดจะอยู่ภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนเชลยศึกที่อาจทำกับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นเพียงการกล่าวอ้างของเธอ โดยที่กระทรวงกลาโหมยูเครนเอง เพียงแถลงแสดงความหวังว่า จะมีการดำเนิน “กระบวนการแลกเปลี่ยน ... เพื่อนำเอาวีรบุรุษชาวยูเครนเหล่านี้กลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คำแถลงบอกด้วยว่า สำหรับพวกที่ยังคงอยู่ในโรงงานอาซอฟสตัล ทางกระทรวงกำลังทำ “ทุกสิ่งทุอย่างที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดของพวกเขา” ถึงแม้กระทรวงกลาโหมยูเครนยอมรับว่า การที่ตนจะเข้าแทรกแซงทางการทหารเพื่อช่วยเหลือนักรบเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ชะตากรรมของทหารเหล่านี้ยังไม่มีความชัดเจน และน่าที่จะกลายเป็นข้อกังวลสนใจกันในยูเครน
ทั้งนี้ ยูเครนกล่าวหารัสเซียเรื่อยมาว่ามีพฤติการณ์ก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน ขณะที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ในนครเจนีวา มีการตอบสนองอีกขั้นหนึ่ง โดยแถลงในวันอังคาร (17) ว่า กำลังจัดส่งทีมงานภาคสนามคณะใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดขึ้นไป เพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานในยูเครน โดยทีมงานนี้ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช และเจ้าหน้าที่สนับสนุนรวม 42 คน
ส่วนในกรุงมอสโก ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลินไม่ตอบคำถามใดๆ ของพวกผู้สื่อข่าว ซึ่งต้องการทราบว่าทหารจากอาซอฟสตัลจะได้รับการปฏิบัติในหน้าที่เป็นอาชญากร หรือเป็นเชลยศึก
เปสคอฟ ตอบเพียงว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน “ให้คำรับประกันว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างสอดคล้องตามกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง”
ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง วยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาล่างของรัฐสภารัสเซีย แถลงว่า “พวกอาชญากรนาซีไม่สมควรถูกนำไปเป็นเชลยแลกเปลี่ยน”
เขาไม่ได้เอ่ยถึงนักรบจากอาซอฟสตัลเป็นการเฉพาะ แต่ที่ผ่านมามอสโกกล่าวอยู่หลายครั้งหลายหนว่า มีพวกสมาชิกของกรมทหารอาซอฟ ซึ่งทางการรัสเซียมองว่าเป็นพวกนาซีใหม่ อยู่ในพวกนักรบซึ่งติดอยู่ในโรงงานเหล็กกล้าในมาริอูโปลแห่งนั้น
ทางฝ่ายกรุงเคียฟ คำแถลงของกองทัพยูเครนระบุว่า ถือว่าทหารในมาริอูโปลได้ปฏิบัติหน้าที่ในการสู้รบลุล่วงแล้ว และเป้าหมายสำคัญขณะนี้คือการรักษาชีวิตทหาร พร้อมยกย่องนักรบผู้ปกป้องมาริอูโปลเป็นวีรบุรุษ
คำแถลงอธิบายว่า การปักหลักต่อสู้ในโรงงานเหล็กกล้าอาซอฟสตัลของนักรบเหล่านี้ยังช่วยขัดขวางไม่ให้กองกำลังรัสเซียเข้ายึดเมืองซาโปริซเซีย ทางตอนใต้ได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับสถานการณ์การสู้รบโดยรวมในยูเครนนั้น ช่วงหลายวันที่ผ่านมาฝ่ายยูเครนอ้างว่านักรบฝ่ายตนสามารถขับไล่กองกำลังรัสเซียออกจากพื้นที่ใกล้คาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศ
กระนั้น ยังคงมีการสู้รบดุเดือดทั่วพื้นที่ทางด้านตะวันออก สำนักงานประธานาธิบดียูเครนแถลงเมื่อวันอังคารว่า แนวรบทั้งหมดรอบโดเนตสก์ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างหนักหน่วงขณะที่แคว้นเชอร์นิฮีฟ ทางด้านเหนือถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ ทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ทหารของยูเครนยังเผยว่า กองทัพรัสเซียระดมกำลังเพิ่มและเตรียมพร้อมโจมตีรอบใหม่ใกล้ๆ เมืองสโลวีแยนสก์และเมืองโดรบีชีฟ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอิซุม
เช่นเดียวกับพื้นที่รอบเมืองหลวงเคียฟ และเมืองลวีฟ เมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของยูเครนซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ ที่ยังถูกรัสเซียถล่มไม่หยุดหย่อน
ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัสเซียรายงานว่า หมู่บ้านในแคว้นเคิร์สก์ทางตะวันตกของรัสเซียที่อยู่ติดกับชายแดนยูเครน ถูกยูเครนโจมตีเมื่อวันอังคาร ทำให้บ้าน 3 หลังและโรงเรียน 1 แห่งได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ และโรมัน สตาโรวอยต์ ผู้ว่าการแคว้นเผยว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยชายแดนกลับมายิงสกัดการโจมตีของยูเครนแล้ว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน มีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสในวันอังคาร
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)