ทัพยูเครนคุยลั่น ตีทหารรัสเซียถอยร่นออกจากเมืองคาร์คีฟ แถมรุกไล่ไปถึงสุดชายแดน ซึ่งหากเป็นจริงจะเป็นการตอกย้ำความสำเร็จในการตีโต้กลับของเคียฟ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง มอสโกเตือนฟินแลนด์และสวีเดนตัดสินใจผิดพลาดในการเดินหน้าแผนเข้านาโต้ซึ่งอาจนำไปสู่ “ผลกระทบในวงกว้าง”
ฝ่ายยูเครนออกข่าวว่า ในวันจันทร์ (16 พ.ค.) เกิดการสู้รบใกล้คาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน และเมืองใหญ่ที่สุดในยูเครนตะวันออก ซึ่ง วาดิม เดนิเซนโก ที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยยูเครนระบุว่า เป็น “การตีโต้กลับ” ของเคียฟ
นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมยูเครนยังแถลงผ่านโซเชียลมีเดียว่า กองพัน 227 แห่งกองพลน้อย 127 ในแคว้นคาร์คีฟที่อยู่ห่างจากพรมแดนรัสเซียราว 50 กิโลเมตร ได้ขับไล่กองกำลังรัสเซียและสามารถชิงแคว้นนี้คืนสำเร็จ รวมทั้งเคลื่อนกำลังไปจนถึงชายแดนติดกับรัสเซีย
หากเป็นจริงตามคำแถลง ย่อมเท่ากับว่าการโต้กลับของยูเครนประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ในการผลักดันกองกำลังรัสเซียถอยร่นออกจากพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน หลังจากที่หน่วยงานการทหารของตะวันตกระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีเพื่อยึดสองแคว้นในดอนบาส นั่นคือ ลูฮันสก์ และโดเน็ตสก์ ของมอสโกไม่มีความคืบหน้า
อย่างไรก็ตาม เซียร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ในดอนบาส กล่าวยอมรับว่า สถานการณ์ยังคงยากลำบาก โดยขณะนี้กองทหารฝ่ายรัสเซียกำลังพยายามเข้ายึดเมืองซีเวอโรโดเนตสก์ และเสริมว่า บรรดาผู้นำในสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งเป็นดินแดนในลูฮันสก์ส่วนที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน ได้ประกาศเรียกระดมพลเป็นการใหญ่
เห็นกันว่าถ้ารัสเซียยึดเมืองซีเวอโรโดเนตสก์สำเร็จ จะสามารถควบคุมลูฮันสก์ในทางพฤตินัย
ทางด้านสำนักงานประธานาธิบดียูเครนแถลงเมื่อวันจันทร์ว่า รัสเซียยังคงโจมตีแคว้นลูฮันสก์ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของคาร์คีฟ และมีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 9 คน รวมถึงเด็ก หลังจากรัสเซียยิงถล่มโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเซเวโรโดเนตสก์
โอเล็กซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีท้องถิ่นว่า หลังจากถอยร่นจากแนวรบเมืองหลวงเคียฟ กองกำลังรัสเซียรวมพลครั้งใหม่และมุ่งหน้าสู่ดอนบาส ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการโจมตีของมอสโก กระนั้น ข่าวกรองตะวันตกทำนายว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียจะติดขัดเนื่องจากสูญเสียอย่างหนักทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ อีกทั้งเผชิญการต่อต้านอย่างเข้มแข็งจากยูเครน
ในแนวรบทางด้านใต้ ข่าวระบุว่ามีการสู้รบรอบๆ เมืองเคอร์ซอน ซึ่งทัพรัสเซียยึดเอาไว้ได้ และรัสเซียยังยิงขีปนาวุธโจมตีย่านที่พักอาศัยในเมืองมิโคลายิฟ
ส่วนแนวรบทางภาคตะวันตก เจ้าหน้าที่เมืองลวีฟเผยว่า โครงสร้างพื้นฐานของเมืองถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันที่ 13 และหน่วยงานความมั่นคงเอสยูบีของยูเครนกำลังดำเนินการเพื่อจำกัดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
จากสถานการณ์การสู้รบที่ปรากฏจนถึงเวลานี้ เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (15) ว่า ยูเครนมีความสามารถเอาชนะสงครามครั้งนี้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ทางการทหารน้อยคนมากคาดคิดตอนที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากถูกตีโต้กลับในสนามรบแล้ว รัสเซียกำลังเพลี่ยงพล้ำอย่างสำคัญในทางการทูต ทั้งนี้มอสโกซึ่งต่อต้านการขยายสมาชิกของนาโต้มาโดยตลอด เวลานี้จะต้องหนักใจเพิ่มขึ้นมาก หลังจากฟินแลนด์ ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ว่า ต้องการสมัครเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรทางทหารนำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ ขณะที่ในสวีเดน พรรคโซเชียล เดโมแครตส์ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก็ประกาศสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกนาโต้เช่นเดียวกัน ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของประเทศทั้งสองเท่ากับเป็นการยุติสถานะประเทศที่ดำเนินการนโยบายการทหารแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ในวันจันทร์ เซียร์เก ริยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่า ฟินแลนด์และสวีเดนกำลังทำสิ่งผิดพลาดซึ่งจะส่งผลกระทบกว้างไกล และเสริมว่า ความตึงเครียดทางทหารจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ความสามารถในการคาดการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์นี้จะลดลง
ทางด้านนาโต้ และอเมริกาแสดงความมั่นใจว่า ฟินแลนด์และสวีเดนจะได้รับการยอมรับเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ และสามารถแก้ปัญหากรณีที่ตุรกียังคงสงวนท่าที เนื่องจากต้องการให้ประเทศแถบนอร์ดิก 2 รายนี้ระงับการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)