ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดเผยในวันอังคาร (12 เม.ย.) การเจรจาสันติภาพกับยูเครนเจอทางตัน และใช้การออกมาพูดต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ประกาศเดินหน้าโจมตีต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และเย้ยหยันตะวันตกว่ากำลังล้มเหลวในการบีบบังคับให้มอสโกคุกเข่ายอมจำนน ผ่านมาตรการคว่ำบาตรอันหนักหน่วง เชื่อกฎระเบียบโลกขั้วเดี่ยวที่ครอบงำโดยสหรัฐฯ กำลังล่มสลาย พร้อมแซะอเมริกาพร้อมสู้กับรัสเซียจนกว่าจะสิ้นชาวยูเครนคนสุดท้าย
ในการปราศรัยเกี่ยวกับสงครามต่อหน้าสาธารณะเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กองกำลังรัสเซียล่าถอยจากทางตอนเหนือของยูเครน หลังหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูทางเข้ากรุงเคียฟเป็นเวลานาน ปูติน สัญญาว่าจะบรรลุทุกเป้าหมายขั้นสูงในยูเครน
คำกล่าวที่เป็นสัญญาณชัดเจนที่สุดจนถึงตอนนี้ว่าสงครามจะลากยาวต่อไป ปูตินระบุว่า เคียฟกัดเซาะการเจรจาสันติภาพ ด้วยการจัดฉากในสิ่งที่เขาเรียกว่าการกล่าวหาอันเป็นเท็จ ว่ารัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม และจากข้อเรียกร้องขอคำรับประกันด้านความมั่นคงครอบคลุมทั่วทั้งยูเครน
"เป็นอีกครั้งที่เรากลับสู่สถานการณ์ทางตันสำหรับเรา" ปูตินกล่าวระหว่างแถลงสรุป ขณะเดินทางเยือนฐานปล่อยวอสโตชินี คอสโมโดรม (Vostochny Cosmodrome) ทางตะวันออกของมอสโก ราว 5,550 กิโลเมตร
เมื่อถูกคนงานของหน่วยงานอวกาศรัสเซีย ถามว่าปฏิบัติการในยูเครนจะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ ปูตินตอบว่า "แน่นอน ผมไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย"
ปูตินกล่าวต่อว่า "รัสเซียจะเดินหน้าอย่างเป็นจังหวะและสุขุมเยือกเย็นในปฏิบัติการ แต่บทสรุปทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดก็คือกฎระเบียบโลกขั้วเดี่ยว ซึ่งสหรัฐฯ ได้สร้างมาหลังจากสงครามเย็น กำลังแตกสลาย"
ประธานาธิบดีปูตินเน้นย้ำว่ารัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้รบ เพราะว่าจำเป็นต้องปกป้องพลเรือนพูดภาษารัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน และป้องกันไม่ให้เพื่อนบ้านอดีตสหภาพโซเวียต กลายเป็นสปริงบอร์ดต่อต้านรัสเซียของบรรดาศัตรูทั้งหลายของมอสโก
ตะวันตกประณามสงครามนี้ว่าเป็นการยึดครองดินแดนในรูปแบบจักรวรรดิอันโหดเหี้ยม โดยมีประเทศอธิปไตยหนึ่งเป็นเป้าหมาย ส่วนยูเครนระบุว่าพวกเขากำลังสู้รบเพื่อความอยู่รอด หลังจาก ปูติน ผนวกไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 และประกาศรับรองเอกราช 2 แคว้นกบฏทางภาคตะวันออกของยูเครน ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปูติน เย้นหยันมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ที่กำลังผลักรัสเซียมุ่งหน้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไม่กี่ปีหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ว่าล้มเหลวไม่ได้ผล "สงครามสายฟ้าแลบที่ศัตรูของเรากำลังเดินหน้าดำเนินการ ไม่ได้ผล" ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าว "สหรัฐฯพร้อมสู้รบกับรัสเซีย จนกระทั่งเหลือชาวยูเครนคนสุดท้าย นี่คือแนวทางที่มันเป็น"
นอกจากนี้ ปูตินยังได้ปฏิเสธคำกล่าวหาของยูเครนและตะวันตก ว่ารัสเซียก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครน โดยระบุว่าคำกล่าวหาเหล่านั้น "เป็นเท็จ"
นับตั้งแต่ทหารรัสเซียถอนทหารออกจากเมืองและหมู่บ้านต่างๆ รอบกรุงเคียฟ ทหารยูเครนได้นำเสนอสื่อมวลชนด้วยภาพศพต่างๆ จำนวนมาก ที่อ้างว่าเป็นพลเรือนซึ่งถูกสังหารโดยกองกำลังรัสเซีย บ้านเรือนถูกทำลายและรถยนต์โดนเปลวไฟเผาผลาญ
รอยเตอร์พบเห็นศพผู้เสียชีวิตเกลื่อนเมืองบูชา แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสังหารหมู่ ยูเครนกล่าวหารัสเซียมีความผิดฐานฆ่าล้างเผาพันธุ์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวหาปูติน ก่ออาชญากรรมสงครามและร้องเรียกให้เปิดการพิจารณาคดี
ปูตินกล่าวว่าเขาได้บอกกับพวกผู้นำตะวันตกไปว่า ให้คิดสักนิดเกี่ยวกับการทำลายล้างเมืองรักกาของซีเรีย และในอัฟกานิสถาน โดยฝีมือของสหรัฐฯ "พวกคุณเห็นเมืองของซีเรียแห่งนี้กลายเป็นซากหักพังโดยเครื่องบินของสหรัฐฯ หรือเปล่า ศพนอนตายในซากหักพัง เน่าเปื่อยนานหลายเดือน" ผู้นำรัสเซียระบุ "ไม่มีใครแคร์เลย ไม่มีใครเหลียวมองด้วยซ้ำ"
วอชิงตันและพันธมิตรปฏิเสธว่าไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือนในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเมืองรักกาในปี 2017 ในขณะที่รอยเตอร์อ้างว่าเมืองของซีเรียแห่งนี้เป็นกองบัญชาการของขบวนการเคลื่อนไหวนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอ) ที่พันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐฯ กำลังสู้รบด้วย
(ที่มา : รอยเตอร์/เอพี)