รัสเซียโต้ข้อกล่าวหาสังหารหมู่ในเมืองบูชา ชี้เป็นโฆษณาชวนเชื่อของกองกำลังพิเศษเคียฟที่ได้ทุนสนับสนุนจากบริษัทประชาสัมพันธ์ตะวันตกเพื่อป้ายสีมอสโก ลั่นเตรียมหอบหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคง ขณะที่อเมริกา-ยุโรปเล็งออกมาตรการแซงก์ชันใหม่ รวมทั้งสนับสนุนการสอบสวนคดีอาชญากรรมสงครามต่อเครมลิน
หลังจากที่กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากเมืองและหมู่บ้านต่างๆ รอบกรุงเคียฟ กองทัพยูเครนได้นำผู้สื่อข่าวไปดูร่างผู้เสียชีวิตที่ถูกระบุว่า เป็นพลเรือนที่ถูกทหารรัสเซียสังหาร รวมถึงบ้านเรือน และรถที่ถูกเผาทำลาย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ได้เห็นร่างผู้เสียชีวิตในเมืองบูชา แต่ไม่สามารถยืนยันว่า เป็นฝีมือฝ่ายใด
ในวันอังคาร (5) ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีและปัจจุบันเป็นรองเลขาธิการสภาความมั่นคงรัสเซีย ระบุในสื่อสังคมเทเลแกรมว่า หลักฐานเหล่านั้นเป็นหลักฐานปลอมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาชวนเชื่อของยูเครนที่ได้เงินสนับสนุนจากบริษัทประชาสัมพันธ์ตะวันตก และองค์กรภาคเอกชนที่ “ว่านอนสอนง่าย”
เมดเวดอฟยังบอกอีกว่า กองกำลังยูเครนพร้อมสังหารพลเมืองของตัวเองเพื่อโยนความผิดให้รัสเซีย
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า มีหลักฐานว่า ศูนย์หลักเพื่อปฏิบัติการทางจิตวิทยาหน่วยที่ 72 ของยูเครน เป็นผู้จัดฉากโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าวด้วยการถ่ายทำวิดีโอปลอมในหมู่บ้านห่างจากทางตะวันตกเฉียงเหนือของเคียฟ 23 กม. รวมถึงในเมืองซูมี โคโนท็อป และเมืองอื่นๆ เพื่อให้เข้าใจผิดว่า กองทัพรัสเซียสังหารพลเรือนยูเครน
มอสโกยังตั้งคำถามว่า ถ้ากองทัพของตนออกจากบูชาตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค. และนายกเทศมนตรีเมืองดังกล่าวประกาศเป็นเขตปลอดกองกำลังรัสเซียในวันรุ่งขึ้น แต่เหตุใดยูเครนเพิ่งเผยแพร่ภาพศพพลเรือนเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ยังน่าสังเกตว่าร่างผู้เสียชีวิตในบางคลิปไม่เน่าเปื่อยตามที่ควรจะเป็นทั้งที่ผ่านมาหลายวันแล้ว
รัสเซียสำทับว่า จะนำเสนอหลักฐานเชิงประจักษ์ต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในวันอังคารเพื่อพิสูจน์ว่า กองทัพของตนไม่เกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่ในบูชา
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยว่า จะแถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงเช่นเดียวกัน รวมทั้งจะเรียกร้องให้มีการสอบสวนการสังหารหมู่ในเมืองบูชา ซึ่งขณะนี้พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 300 คน และเสริมว่า อาจพบผู้เสียชีวิตจำนวนมากขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ที่เคยถูกรัสเซียปิดล้อม
ยูเครนยังเผยว่า กำลังเตรียมพร้อมรับมือทหารกองหนุน 60,000 นายที่รัสเซียจะเรียกไปเสริมแนวรบเพื่อบุกใหญ่ในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในเวลานี้ของรัสเซีย โดยที่ครอบคลุมเมืองมาริอูโปลและเมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับสองของยูเครนด้วย
ส่วนที่กรุงวอชิงตัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นอาชญากรสงคราม พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนการสังหารหมู่ในเมืองบูชา และเมืองอื่นๆ ของยูเครน
นอกจากนั้น อเมริกาและอังกฤษยังเรียกร้องให้ขับรัสเซียออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ทำให้มอสโกแถลงตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยว
ขณะเดียวกัน ทั้งคณะบริหารของสหรัฐฯ และเยอรมนีกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า จะประกาศมาตรการแซงก์ชันใหม่ต่อมอสโกในไม่กี่วันนี้ และกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาประกาศสนับสนุนทีมอัยการและผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศที่กำลังรวบรวมและวิเคราะห์หลักฐานความโหดร้ายป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นในยูเครน
ฝรั่งเศส และเยอรมนีเผยว่า จะขับนักการทูตรัสเซียออกจากประเทศ โดยที่ประเทศยุโรปอีกหลายชาติก็ขานรับว่าจะกระทำอย่างเดียวกัน ส่วนเมดเวเดฟประกาศว่า มอสโกจะตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อและปิดสถานทูตตะวันตก
คริสติน แลมแบรชต์ รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี ระบุว่า สหภาพยุโรป (อียู) ต้องหารือเพื่อแบนก๊าซรัสเซีย ทว่า เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของเยอรมนี เรียกร้องให้พิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากอาจจุดชนวนวิกฤตพลังงานในยุโรป
รัสเซียนั้นจัดหาก๊าซให้ยุโรปถึง 1 ใน 3 ของปริมาณการบริโภค ขณะที่ก๊าซซึ่งเยอรมนีใช้อยู่ถึง 40% เป็นก๊าซรัสเซีย และปูตินกำลังพยายามใช้พลังงานเพื่อตอบโต้การแซงก์ชันของตะวันตก แม้ว่าถึงตอนนี้มอสโกยังคงส่งก๊าซให้ยุโรปท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเรียกร้องของปูตินให้จ่ายด้วยสกุลเงินรูเบิลก็ตาม
(ที่มา : รอยเตอร์, เอพี, เอเอฟพี)