สหรัฐฯ และนาโต้ส่งเสียงช็อกและสยดสยองในวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) ต่อหลักฐานใหม่การใช้ความโหดร้ายป่าเถื่อนกับพลเรือนในยูเครน พร้อมเตือนความเคลื่อนไหวของทหารรัสเซียที่ถอยห่างจากกรุงเคียฟ ไม่ได้เป็นสัญญาณการถอนกำลังหรือยุติความรุนแรงใดๆ ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศกร้าวจะสืบสวนและดำเนินคดีทุกอาชญากรรมที่รัสเซียก่อขึ้นในยูเครน ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา แย้มสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุน หากว่าเคียฟยอมรับสถานะเป็นกลางตามข้อเรียกร้องของทางมอสโก
หลักฐานถึงความเป็นไปได้ในการเข่นฆ่าชีวิตพลเรือนรอบๆ กรุงเคียฟ ปรากฏขึ้นหลังจากทหารรัสเซียถอนกำลังออกจากเมืองหลวง หลังถูกต้านทานอย่างหนักหน่วงจากกองกำลังยูเครน
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีพบเห็นร่างไร้วิญญาณอย่างน้อย 20 ศพ ทั้งหมดสวมชุดพลเรือน กระจัดกระจายอยู่บนท้องถนนสายเดียว ในเมืองบูชา ในวันศุกร์ (1 เม.ย.) หนึ่งในนั้นถูกมัดมือไพล่หลัง และมีพาสปอร์ตยูเครนตกอยู่ข้างๆ ศพของเขา
อนาโตลี เฟโดรุค นายกเทศมนตรีเมืองบูชา เปิดเผยว่า พบร่างไร้วิญญาณอีก 280 ศพ ถูกฝังในหลุมศพหมู่ในเมืองดังกล่าว
"ภาพเหล่านี้ทำให้ผมตกใจอย่างมาก" แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับซีเอ็นเอ็น หนึ่งวันหลังจากภาพวิดีโออันน่าสยดสยองจากเมืองบูชา ถูกนำไปออกอากาศอย่างกว้างขวาง แต่บอกว่า "การเข่นฆ่านี้คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันที่รัสเซียยังคงอยู่ในยูเครน"
บลิงเคนเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ กำลังช่วยบันทึกทุกความเป็นไปได้ของการก่ออาชญากรรมสงคราม แต่ไม่ได้บอกว่าเขามองว่ามันเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่
ด้านอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า เขารู้สึกช็อกที่ได้เห็นภาพของการเข่นฆ่า และเรียกร้องให้มีการสืบสวนอิสระ ส่วน เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ เรียกเหตุสังหารพลเรือนในบูชาว่า "น่าสยดสยองและยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง"
สโตลเทนเบิร์ก บอกด้วยว่า เขาไม่มองในแง่บวกจนเกินไปเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของรัสเซียในการถอนทหารห่างจากกรุงเคียฟ "สิ่งที่เราเห็นคือไม่ใช่การถอนกำลัง แต่ที่เราเห็นคือรัสเซียกำลังย้ายที่ตั้งกำลังทหารของพวกเขา" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น เตือนถึงความเป็นไปได้ของการยกระดับโจมตี
บลิงเคน สะท้อนคำเตือนดังกล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับรายการเอ็มเอสเอ็นบีซี ซันเดย์ โดยบอกว่ามอสโกยังคงมีความสามารถเข่นฆ่าชีวิตหมู่และทำลายล้าง ในนั้นรวมพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่นเคียฟ ด้วยแสนยานุภาพทางอากาศและขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าการปรับเปลี่ยนดังกล่าวดูเหมือนเป็นหลักฐานว่าแผนเดิมของรัสเซียที่จะเข้ายึดทั่วประเทศ ในนั้นรวมถึงเคียฟ ประสบความล้มเหลว และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ตะวันตกและเคียฟต้องเดินหน้ากดดันรัสเซียต่อไป
"เรากำลังทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อสนับสนุนยูเครน ทั้งหมดทั้งมวลกำลังช่วยเสริมความเข้มแข็งแก่ยูเครนบนโต๊ะเจรจา" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น
ยูเครนยื่นข้อเสนอยอมรับสถานะเป็นกลาง หากพวกเขาได้รับคำรับประกันความปลอดภัยอย่างพอเพียงจากบรรดาประเทศตะวันตก ละทิ้งความพยายามเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนาโต้ ในเรื่องนี้ บลิงเคน ตอบว่าหากยูเครนเจรจาข้อตกลงหนึ่ง "ซึ่งตรงกับความต้องการของพวกเขา เราจะสนับสนุน"
"เมื่อมันเป็นเรื่องของอนาคต เรากับพันธมิตรและคู่หูต้องการทำให้แน่ใจในทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อรับประกันว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นซ้ำอีก" เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น "ยูเครนก็ต้องมีหนทางเพื่อป้องกันตนเองเช่นกัน ดังนั้น เราจะมองหาทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อสนับสนุนทางออกดังกล่าว"
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันอาทิตย์ (3 เม.ย.) บอกว่าพวกผู้นำรัสเซียต้องรับผิดชอบต่อเหตุสังหารพลเรือนในบูชา รอบนอกกรุงเคียฟ พื้นที่ซึ่งพบศพกระจัดกระจายอยู่บนท้องถนน หลังจากทหารยูเครนยึดเมืองแห่งนี้คืนมาได้จากกองกำลังรัสเซีย
เซเลนสกีประกาศจะดำเนินการสืบสวนและดำเนินคดีกับทุกอาชญากรรมที่รัสเซียก่อในยูเครน และจะจัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อล่าตัวและลงโทษทุกคนที่อยู่เบื้องหลัง
"ผมตัดสินใจจัดตั้งกลไกพิเศษด้านกระบวนการยุติธรรมในยูเครน เพื่อสืบสวนและดำเนินคดีกับทุกอาชญากรรมที่ผู้รุกรานประเทศของเราก่อขึ้น" เขากล่าวผ่านวิดีโอ พร้อมระบุว่า กลไกนี้จะประกอบด้วยพวกผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทีมสืบสวน อัยการและผู้พิพากษา
"ผมอยากให้พวกผู้นำสหพันธรัฐรัสเซียทุกคนเห็นว่าคำสั่งของพวกเขาสมความตั้งใจแล้ว พวกเขาต้องรับผิดชอบร่วมกันสำหรับการฆ่า ทรมาน แขนขาขาดจากแรงระเบิด สำหรับการยิงเข้าที่ด้านหลังศีรษะ" เซเลนสกีกล่าว
รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้เข่นฆ่าพลเรือนในบูชา
เซเลนสกีเผยว่า เจ้าหน้าที่ยูเครนกำลังดำเนินการบูรณะเมืองบูชาและเมืองอื่นๆ ใกล้กับเมืองหลวง ที่เพิ่งยึดคืนมาจากรัสเซีย หลังจากมันถูกกองทัพรัสเซียเข้าควบคุมตั้งแต่วันแรกๆ ของปฏิบัติการรุกรานที่เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
(ที่มา : เอเอฟพี)