(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
China threatens retaliation if Pelosi visits Taiwan
By JEFF PAO
08/04/2022
พวกคอมเมนเตเตอร์ที่โปรปักกิ่งบอกว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนควรที่จะปิดน่านฟ้าของไต้หวันไม่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี พยายามที่จะไปเยือนเกาะแห่งนี้ ซึ่งจีนถือว่าเป็นมณฑลกบฏของตนที่จะต้องนำเอามารวมกับแผ่นดินใหญ่ให้ได้ในท้ายที่สุด
ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และสื่อมวลชนของจีนต่างออกมาเตือนสหรัฐฯ ว่า จะเจอกับผลพวงต่อเนื่องที่สาหัสร้ายแรง ถ้ายังขืนส่งเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสไปเยือนไต้หวัน ในวาระครบรอบ 43 ปีของการที่สหรัฐฯ ออกกฎหมายรัฐบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวัน (Taiwan Relations Act) ในวันอาทิตย์ (10 เมษายน) นี้
สื่อมวลชนหลายเจ้ารายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) แนนซี เปโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดิมทีวางแผนจะออกเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและไต้หวันในวันศุกร์ (8 เม.ย.) แต่แล้วเธอกลับมีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นบวก และต้องเลื่อนการเดินทางของเธอออกไป ทว่าก่อนที่จะมีการประกาศชะลอทริปเดินทางของเปโลซีนั้น พวกสื่อมวลชนของจีนได้เปิดการรณรงค์ต่อต้านสหรัฐฯ โดยถึงขั้นเรียกการเดินทางเที่ยวนี้ของเธอว่า เป็นการยั่วยุปักกิ่งครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี
สื่อของรัฐเหล่านี้อ้างอิงคำพูดของพวกนักวิชาการและพวกนักวิจารณ์ให้ความเห็นผ่านสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) ซึ่งระบุว่า จีนมีความสามารถที่จะปิดช่องแคบไต้หวันไม่ให้คนนอกล่วงล้ำเข้าไป และควบคุมสนามบิน ตลอดจนท่าเรือทั้งหลายในไต้หวันเมื่อใดก็ได้
จีนนั้นถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลกบฏที่จะต้องนำเอากลับมารวมเข้ากับแผ่นดินใหญ่ในท้ายที่สุด ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองรอบๆ ช่องแคบไต้หวันอยู่ในสภาพเพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้ สืบเนื่องจากมีการติดต่อกันมากขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กับเจ้าหน้าที่ไต้หวัน ตลอดจนเกิดข้อพิพาทซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่สหรัฐฯ ขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน
เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา รองประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-te) ของไต้หวัน ได้พบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการเป็นเวลาสั้นๆ กับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ระหว่างทริปเดินทางไปยังฮอนดูรัสของเขา รวมทั้งได้พบหารือแบบเสมือนจริงกับ เปโลซี ระหว่างที่เขาหยุดแวะพักในสหรัฐฯ อีกด้วย
ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น กองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้จัดส่งเครื่องบินทหารรวม 52 ลำแล่นเข้าไปในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense Identification Zone หรือ ADIZ) ของไต้หวัน
ในวันที่ 2 มีนาคม คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ชุดหนึ่งได้ไปพบหารือกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันที่นครไทเป อีก 2 วันต่อมา ไมก์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในยุคโดนัลด์ ทรัปม์ ได้ไปกล่าวปราศรัยที่ไทเป เรียกร้องให้สหรัฐฯ ประกาศรับรองว่าไต้หวันเป็นประเทศเอกราช
ปักกิ่งแถลงเตือนสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรข้ามเส้นสีแดงที่จีนขีดเอาไว้ พร้อมประกาศว่าหากมีการล่วงล้ำ จีนก็จะตอบโต้ด้วยมาตรการอันเด็ดขาด อย่างไรก็ดี จีนยังไม่ได้มีการปฏิบัติการใดๆ ขณะเดียวกัน ในระยะหลังๆ มานี้สื่อจีนบางเจ้ายังอ้างว่าจีนเป็นประเทศที่รักสันติ
เมื่อวันพุธ (6 เม.ย.) สหรัฐฯ แถลงว่าได้อนุมัติรับรองให้ขายโปรแกรมฝึกอบรมทางทหารและยุทโธปกรณ์ทางทหารล็อตใหม่แก่ไต้หวัน คิดเป็นมูลค่าราว 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหม (Defense Security Cooperation Agency) ของเพนตากอน (กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) ระบุในคำแถลงว่า รายการขายที่อนุมัติกันคราวนี้จะช่วยรักษาความหนาแน่นของขีปนาวุธไต้หวันเอาไว้ รวมทั้งสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมเพื่อการปฏิบัติการทางอากาศ
จากนั้นในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) สื่อมวลชนรายงานว่า เปโลซี กำลังวางแผนจะไปเยือนไต้หวันเร็วๆ นี้ เพื่อระลึกวาระครบรอบ 43 ปีของรัฐบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวัน ซึ่งได้รับอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 1979 โดยมีเนื้อหาสาระเป็นการนิยามความสัมพันธ์แบบที่ไม่ใช่ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน
ฝ่ายจีนแสดงปฏิกิริยาตอบโต้อย่างโกรธเกรี้ยวในทันที “จีนคัดค้านอย่างเด็ดเดี่ยวในเรื่องการติดต่ออย่างเป็นทางการทุกรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เจ้า ลี่เจียน กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติของกระทรวง “ถ้า เปโลซี เยือนไต้หวัน นี่จะเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อหลักการจีนเดียว และต่อข้อกำหนดต่างๆ ของแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับ เป็นการบ่อนทำลายอย่างสาหัสต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน สร้างผลกระทบอย่างสาหัสต่อรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และส่งสัญญาณที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อกลุ่มพลังนักแบ่งแยกดินแดนเรียกร้อง ‘เอกราชของไต้หวัน’”
เขากล่าวต่อไปว่า สหรัฐฯ ควรยึดมั่นปฏิบัติตามหลักการ “จีนเดียว” และข้อกำหนดต่างๆ ของแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับ ยกเลิกแผนการของเปโลซีในการเยือนไต้หวันในทันที ยุติการติดต่ออย่างเป็นทางการกับไต้หวัน และเติมเต็มความมุ่งมั่นผูกพันของตนในการไม่สนับสนุน “เอกราชของไต้หวัน” ด้วยการกระทำต่างๆ ที่เป็นจริง
“ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะเดินไปตามวิถีทางของตนเองแล้ว จีนก็จะใช้มาตรการที่หนักแน่นและแข็งแกร่งเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของตนอย่างเด็ดเดี่ยว ผลต่อเนื่องที่เป็นไปได้ทั้งหมดทั้งสิ้นซึ่งจะเกิดขึ้นจากการนี้ทางฝ่ายสหรัฐฯ จะต้องเป็นผู้แบกรับเอาไว้อย่างสิ้นเชิง” เจ้ากล่าวต่อ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดถึงมาตรการที่จีนอาจนำมาใช้
ก่อนหน้านี้ในวันพุธ (6 เม.ย.) เจ้าเคยแถลงไว้ว่า จีนจะใช้มาตรการที่หนักแน่นและแข็งขัน ถ้าหากสหรัฐฯ ยังคงผลักดันเพื่อเดินหน้าแผนการขายอาวุธของตนให้แก่ไต้หวัน
หลังจาก เจ้า ให้ความเห็นเรื่องทริปไปไต้หวันของเปโลซีแล้ว สื่อมวลชนของจีนได้เผยแพร่บทความและวิดีโอหลายต่อหลายชิ้นในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) โดยจำนวนมากทีเดียวแสดงความคิดเห็นว่า จีนควรที่จะเข้าควบคุมน่านฟ้าของไต้หวันเอาไว้ในวันอาทิตย์ (10 เม.ย.)
หลิว เสี่ยวเฟย (Liu Xiaofei) คอมเมนเตเตอร์ทางการเมืองที่มีแนวคิดโปรปักกิ่งผู้หนึ่ง ออกมาบอกว่า จีนมีความสามารถที่จะทำลายระบบป้องกันของไต้หวันลงได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความสามารถในการเข้ายึดสนามบินและท่าเรือต่างๆ ของเกาะแห่งนี้ ตลอดจนในการเข้าควบคุมเมืองใหญ่ๆ ของไต้หวันเอาไว้ภายในเวลาสั้นๆ หลิวกล่าวว่า ถ้าเปโลซีไปเยือนไต้หวัน ประชาชนไต้หวันก็ควรที่จะอยู่ให้ห่างๆ จากพวกฐานทัพทางทหารของเกาะแห่งนี้
นักวิจารณ์ให้ความเห็นผ่านสื่อผู้นี้กล่าวต่อไปว่า หลังจากรัสเซียเผชิญความเพลี่ยงพล้ำในการปฏิบัติการทางทหารของพวกเขาในยูเครน สหรัฐฯ ก็รู้สึกมีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้นที่จะท้าทายจีนในเรื่องไต้หวัน เขากล่าวว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนนั้นมีความกล้าหาญและมีความสามารถที่จะสู้รบกับกองทัพสหรัฐฯ ถ้าหากการสู้รบขัดแย้งกันเกิดปะทุขึ้นมาจากกรณีไต้หวัน
ขณะที่ หวง รื่อหาน (Huang Rihan) รองศาสตราจารย์แห่งคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยหัวเฉียว (Huaqiao University’s School of International Relations) กล่าวทางคลิปวิดีโอว่า ถ้าเปโลซีไปเยือนไต้หวัน ก็จะเป็นการยั่วยุจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งใหญ่โตที่สุดนับตั้งแต่ที่ นิวต์ กิงริช (Newt Gingrich) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในตอนนั้นไปเยือนไทเปในเดือนมีนาคม 1997
นักวิชาการจีนผู้นี้บอกว่า จีนไม่ควรยอมรับให้มีการติดต่อกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน และสหรัฐฯ นั้นวินิจฉัยสถานการณ์ผิดพลาดแล้ว เขากล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับ หู ซีจิ้น (Hu Xijin) อดีตบรรณาธิการใหญ่ของ โกลบอลไทมส์ (Global Times) ผู้ซึ่งกล่าวว่า จีนควรปิดช่องแคบไต้หวันไม่ให้คนภายนอกล่วงล้ำเข้าไป ขายอาวุธให้แก่รัสเซีย และเพิ่มการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย
(หู ซีจิ้น เป็นบรรณาธิการใหญ่ของ โกลบอลไทมส์ ระหว่างปี 2005-2021 ฝ่ายตะวันตกบอกว่าเขาเป็นคนแรกๆ ที่นำเอายุทธศาสตร์การสื่อสารแบบ “นักรบหมาป่า” wolf warrior มาใช้ นั่นคือการประณามตอบโต้กลับอย่างเกรียวกราวต่อสิ่งที่มองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีนตลอดจนนโยบายของรัฐบาลจีน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Hu_Xijin)
(โกลบอลไทมส์ เป็นหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า หรือ People’s Daily ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Global_Times)
ทั้งนี้ หู โพสต์ข้อความในสื่อสังคม “เว่ยปั๋ว” ของจีนว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนควรส่งเครื่องบินจำนวนมากๆ บินไปรอบๆ ไต้หวันในวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) และกระทั่งบินเข้าไปใกล้ๆ เครื่องบินของเปโลซีด้วย หู บอกอีกว่า ถ้าเครื่องบินรบของจีนลำใดถูกโจมตีแล้ว แผ่นดินใหญ่ก็จะยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพต่างๆ ของไต้หวันในทันที
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://weibo.com/1989660417/LnkJka9IL?pagetype=profilefeed)
ถึงแม้ความคิดเห็นของ หู ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของปักกิ่ง ขณะเดียวกัน ผลสำรวจที่ว่าจ้างโดยนิตยสาร “ฟอร์เรน โพลิซี” (Foreign Policy) และดำเนินการโดยสถาบันวิจัยโลกของวิลเลียมและแมรี (William & Mary’s Global Research Institute) เมื่อวันที่ 10 ถึง 14 มีนาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า 70.8% ทีเดียวของพวกผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสหรัฐฯ จำนวน 852 คน เชื่อว่าจีนจะไม่ใช้กำลังทหารต่อดินแดนไต้หวันหรือต่อกองทหารไต้หวันในช่วงปีหน้า
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://trip.wm.edu/data/our-surveys/snap-polls/Snap-Poll-17-Report.pdf)
เวลาเดียวกัน 70.6% ของผู้เข้าร่วมแสดงความเห็นในการสำรวจครั้งนี้บอกว่า สหรัฐฯ ควรส่งกำลังทหารของตนไปยังช่องแคบไต้หวัน ถ้าหากจีนโจมตีไต้หวัน
อย่างไรก็ดี ในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) สื่อมวลชนรายงานว่า เปโลซี ได้เลื่อนทริปเดินทางของเธอ เพราะผลตรวจโควิด-19 ของเธอมีผลออกมาเป็นบวก นักการเมืองหญิงอายุ 82 ปีผู้นี้ ซึ่งมีรายงานว่าได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 โดส ยืนอยู่ใกล้ๆ กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระหว่างที่เธอไปเยือนทำเนียบขาวเมื่อไม่กี่วันก่อน
ขณะที่ หู กล่าวในโพสต์ล่าสุดของเขาว่า พวกเครื่องบินของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับ “การต้อนรับ” เปโลซี ตอนนี้สามารถไปพักได้แล้ว
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://weibo.com/1989660417/LnoGVrP5g?pagetype=profilefeed)