จีนส่งบุคลากรทางการแพทย์ของกองทัพและจากมณฑลต่างๆ รวมกว่า 12,000 คน ไปช่วยเซี่ยงไฮ้ปูพรมตรวจโควิดประชาชน 26 ล้านคน ขณะที่จำนวนเคสใหม่ยังคงเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ (4 เม.ย.) นับเป็นมาตรการรับมือด้านสาธารณสุขใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในจีน
กองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (3) ว่า ได้ส่งบุคลากรทางการแพทย์จากกองทัพบก กองทัพเรือ กองกำลังสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงรวมแล้วกว่า 2,000 คนไปยังเซี่ยงไฮ้
ขณะเดียวกัน สื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์กว่า 10,000 คนจากมณฑลต่างๆ เช่น เจียงซู เจ้อเจียง และปักกิ่ง เดินทางถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว และทั้งหมดนี้ถือเป็นมาตรการรับมือด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดหลังโควิด-19 เริ่มระบาดในเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหู่เป่ยเมื่อปลายปี 2019 ซึ่งตอนนั้นพีแอลเอส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปยังหูเป่ยกว่า 4,000 คน
สำหรับเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเริ่มการล็อกดาวน์ 2 ขั้นตอนเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วหลังจากนั้นก็ขยายมาตรการให้ประชาชนทั้งหมดกักตัวอยู่บ้านนั้น รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 8,581 คน และแสดงอาการ 425 คนในวันอาทิตย์ (3) โดยในวันเดียวกันนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขอให้ประชาชนตรวจโควิดเองที่บ้าน
แม้การระบาดในเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศจีน ถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐานทั่วโลก ทว่า เมืองนี้ได้กลายเป็นสนามทดสอบยุทธศาสตร์การควบคุมการระบาดของแดนมังกร ซึ่งยังคงใช้วิธีการที่อิงกับการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การติดตามผู้สัมผัสโรค และการกักตัวทุกคนที่ผลตรวจเป็นบวกและผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาวุโสของจีนเผยว่า จีนมีสถาบัน 12,400 แห่งที่สามารถประมวลผลการตรวจโควิดประชาชนได้วันละถึง 900 ล้านคน
ในส่วนของเซี่ยงไฮ้ มหานครที่มีฐานะเทียบเท่ามณฑลแห่งนี้ยังปรับเปลี่ยนโรงพยาบาล สนามกีฬา อพาร์ตเมนต์ และสถานที่อื่นๆ หลายแห่งเป็นสถานที่กักกันโรคของรัฐ ซึ่งรวมถึงศูนย์แสดงสินค้าระหว่างประเทศแห่งใหม่ของเซี่ยงไฮ้ ที่สามารถรองรับผู้ป่วยสูงสุด 15,000 คน
ความช่วยเหลือจากรัฐบาลมาถึงขณะที่ทรัพยากรของเซี่ยงไฮ้ตึงเครียดอย่างหนักภายใต้ข้อเรียกร้องของยุทธศาสตร์ “การกวาดล้างแบบไดนามิก” นอกจากชาวเมืองจำนวนมากยังร้องเรียนว่า ศูนย์กักตัวของรัฐแออัดและไม่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงปัญหาความยากลำบากในการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านอาหารและยาที่จำเป็น
บางคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบาย เช่น ทำไมต้องแยกเด็กที่ติดโควิดจากพ่อแม่ และทำไมจึงไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการเลยกักตัวอยู่บ้าน นอกจากนั้นบางคนที่ผลตรวจออกมาเป็นลบแล้วยังถูกส่งไปกักตัวในห้องเดียวกับผู้ที่ผลตรวจเป็นบวก
อู๋ เฉียนอี้ว์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเซี่ยงไฮ้ แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า เด็กสามารถกักตัวกับพ่อแม่ได้ถ้าพ่อแม่ติดเชื้อเหมือนกันเท่านั้น และเสริมว่า ทางการอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนนโยบายบางอย่าง
ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ (2) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศควบคุมการระบาดโดยเร็วที่สุดควบคู่กับการยึดถือนโยบาย “การกวาดล้างแบบไดนามิก” และวันเดียวกันนั้น รองนายกรัฐมนตรีซุน ชุนหลาน ที่รัฐบาลส่งไปเซี่ยงไฮ้ ได้เรียกร้องให้เมืองนี้ “ดำเนินการขั้นเด็ดขาดและรวดเร็ว” เพื่อควบคุมการระบาด
ขณะเดียวกัน เมืองซูโจว ในมณฑลเจียงซู เผยว่า ตรวจพบโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยบีเอ.1.1 ที่ไม่ตรงกับไวรัสใดๆ ในฐานข้อมูลในประเทศหรือระบบฐานข้อมูลการติดตามการกลายพันธุ์ระหว่างประเทศ “จิสเอด”
หนังสือพิมพ์ไซนส์ แอนด์ เทคโนโลยี เดลี่ของทางการรายงานโดยอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับฐานข้อมูลในประเทศที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่า ไวรัสนี้เป็นสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ของโอมิครอนหรือไม่ และการอุบัติของตัวกลายพันธุ์ใหม่ 1 หรือ 2 เวอร์ชันเป็นปรากฏการณ์ปกติหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากรูปแบบการระบาดของโอมิครอนในจีน
(ที่มา : รอยเตอร์)