รัสเซียไม่บอกปัดเรื่องจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จะใช้ต่อเมื่อมี “ภัยคุกคามต่อการอยู่รอด” พร้อมชี้อเมริกาพยายามขัดขวางการเจรจาสันติภาพควบคู่กับการจัดส่งอาวุธให้ยูเครน เพราะกลัวว่า จะเสียเปรียบถ้าสงครามจบเร็ว ด้านวอชิงตันประณามมอสโกที่มีท่าทีเช่นนี้ แม้ระบุยังไม่ปรากฏสัญญาณมอสโกเตรียมงัด “นุก” ออกมา ขณะที่ปักกิ่งลั่นตะวันตกไม่มีสิทธิขับมอสโกจากกลุ่มจี20
ในการให้สัมภาษณ์กับ คริสเตียน อมันปูร์ พิธีกรข่าวชื่อดังของโทรทัศน์ข่าว ซีเอ็นเอ็น เมื่อวันอังคาร (22) ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกเครมลิน ได้ปฏิเสธหลายครั้งที่จะตัดความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์หากมอสโกเล็งเห็นถึงภัยคุกคามต่อความอยู่รอด และเมื่อถูกถามว่าในกรณีไหนบ้างที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อาจจะตัดสินใจนำศักยภาพด้านนิวเคลียร์มาใช้ เปสคอฟ ตอบด้วยถ้อยคำเดิมว่า “ถ้าเกิดภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของประเทศชาติ ก็อาจเป็นไปได้”
ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นอ้างคำแถลงของผู้นำรัสเซียผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อเดือน ก.พ. ว่า “ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามขวางทางเรา หรือก่อภัยคุกคามต่อประเทศและประชาชนของเรา พวกเขาควรรู้ว่ารัสเซียจะตอบโต้ในทันที และมันจะเป็นผลลัพธ์ชนิดที่พวกคุณไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของพวกคุณเอง”
หลังจากนั้น ปูติน ยังได้กล่าวระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมว่า “เจ้าหน้าที่ในประเทศชั้นนำของนาโต้ออกมาใช้ถ้อยคำก้าวร้าวต่อประเทศเรา ดังนั้น ผมจึงขอสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและประธานเสนาธิการทหารไปเตรียมกองกำลังป้องปรามของรัสเซียให้อยู่ในภาวะพร้อมรบ”
นอกจากนั้น มอสโกยังเคยเตือนว่า หากอเมริกาและชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ส่งเครื่องบินขับไล่ให้ยูเครนหรือประกาศเขตห้ามบินเหนือยูเครน จะเท่ากับเป็นการขยายขอบเขตสงครามและผลักดันให้รัสเซียเผชิญหน้าโดยตรงกับมหาอำนาจนิวเคลียร์ตะวันตก
ทางด้าน จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) วิจารณ์คำสัมภาษณ์ของเปสคอฟว่า “อันตราย” เนื่องจากไม่ใช่วิธีที่มหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีความรับผิดชอบพึงกระทำ
กระนั้นเขาย้ำว่า เพนตากอนยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ทำให้ต้องตัดสินใจเปลี่ยนจุดยืนในการป้องปรามทางยุทธศาสตร์ สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่กลาโหมของหลายชาติในตะวันตกที่ระบุว่า ไม่พบสัญญาณว่า กองกำลังนิวเคลียร์รัสเซียมีความเคลื่อนไหวสำคัญใดๆ
ขณะเดียวกัน เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวในวันอังคารว่า ระหว่างการเยือนบรัสเซลส์เพื่อประชุมกับผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) และนาโต้ในวันพฤหัสฯ (24) ไบเดนจะหารือเรื่องความเป็นไปได้ที่จีนจะเข้าไปมีส่วนร่วมในวิกฤตยูเครน การเป็นสมาชิกจี-20 ของมอสโก รวมทั้งจะประกาศมาตรการแซงก์ชันรัสเซียเพิ่มเติม
เกี่ยวกับประเด็นจี20 หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ (23) ว่า จี20 เป็นเวทีการร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งรัสเซียถือเป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญ และไม่มีสมาชิกชาติใดมีสิทธิขับประเทศอื่นออก
วันเดียวกันนั้น เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงการเจรจาเพื่อยุติสงครามว่า มีความยากลำบากอยู่แล้ว ซ้ำยูเครนยังเปลี่ยนจุดยืนตลอดเวลาจนอดคิดไม่ได้ว่า อเมริกาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียเปรียบหากกระบวนการเจรจาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว แถมวอชิงตันยังจัดส่งอาวุธให้เคียฟไม่หยุดหย่อน
ก่อนหน้านั้นไม่นาน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า การเจรจากับรัสเซียยากลำบากและบางครั้งมีการเผชิญหน้า แต่มีความคืบหน้า
ลาฟรอฟยังกล่าวถึง “คำพูดยั่วยุ” เกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่มิกยุคโซเวียต ซึ่งพาดพิงถึงข้อเสนอของโปแลนด์ในการส่งมิก-29 ผ่านฐานทัพอากาศของอเมริกาให้ยูเครน ซึ่งวอชิงตันคัดค้าน รวมถึงการที่เคียฟร้องขอให้ตะวันตกส่งขีปนาวุธ “สติงเกอร์” ให้
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียย้ำว่า เห็นได้ชัดว่า อเมริกาต้องการให้ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียยืดเยื้อที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะตะวันตกต้องการเล่นบทคนกลาง แต่ทว่า มอสโกมีเส้นตายของตัวเอง
ถล่มยับมาริอูโปล
เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบในยูเครนนั้น เซเลนสกี ระบุว่า ประชาชนเกือบ 100,000 คนติดอยู่ในเมืองมาริอูโปลที่ถูกรัสเซียโจมตีอย่างหนักและต่อเนื่อง ในสภาพที่ขาดอาหาร น้ำ ยา และไฟฟ้า พร้อมเรียกร้องอีกครั้งให้รัสเซียเปิดเส้นทางเพื่ออพยพพลเรือนเหล่านี้
ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัแม็กซาร์ของอเมริกาเผยให้เห็นอาคารบ้านเรือนจำนวนมากในมาริอูโปลเหลือแต่ซากและควันไฟปกคลุมไปทั่วเมือง
เพนตากอนระบุว่า รัสเซียใช้ทั้งปืนใหญ่ ขีปนาวุธพิสัยไกล และขีปนาวุธจากเรือในทะเลอะซอฟ ยิงถล่มมาริอูโปล ขณะที่กองกำลังยูเครนเผยว่า กองทัพรัสเซียโจมตีภาคพื้นดินหนักพอกัน หลังจากที่เคียฟปฏิเสธเส้นตายในการวางอาวุธในมาริอูโปลเมื่อวันจันทร์ (21)
สหประชาชาติประเมินว่า อาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 20,000 คน และเสียชีวิต 3,000 คนในมาริอูโปล แต่ยอมรับว่า ยังไม่รู้จำนวนที่แท้จริง
ทางด้าน อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น เรียกร้องเมื่อวันอังคารให้รัสเซียยุติ “สงครามไร้สาระ” เพราะแม้มาริอูโปลแตก แต่ยูเครนคงไม่ยอมยกทุกเมือง ถนนทุกสาย หรือบ้านทุกหลังให้รัสเซีย และไม่ช้าก็เร็ว กระบวนการจะย้ายจากสนามรบสู่โต๊ะเจรจาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม คำแถลงของกูเตียร์เรส ถูกรัฐมนตรีต่างประเทศลาฟรอฟของรัสเซียวิจารณ์ว่า ไม่ได้วางตัวให้เหมาะสมกับการเป็นเลขาธิการยูเอ็น
สำหรับการสู้รบ กองทัพรัสเซียอ้างว่า สามารถรุกคืบในการบุกภาคพื้นดินทางตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั่วยูเครน แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บอกว่า เชื่อว่ากำลังพลของรัสเซียลดลงไป 10% หลังการต่อสู้ดำเนินมาได้เพียง 4 สัปดาห์
ด้านกองบัญชาการทหารของยูเครนบอกว่า เชื่อว่า ทหารรัสเซียเหลือกระสุน อาหาร และเชื้อเพลิงเพียงพออีก 3 วันเท่านั้น อีกทั้งมีรายงานว่า ทหารรัสเซียหลายร้อยคนหนีทัพ
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น, เอเอฟพี, รอยเตอร์, ทาสส์)