ยูเครนกล่าวหารัสเซียทิ้งระเบิดถล่มโรงละครในเมืองมาริอูโปล ที่มีประชาชนกว่า 1,000 คนหลบภัยสงครามอยู่ หลังจากไบเดน ตราหน้าปูติน “อาชญากรสงคราม” ด้านมอสโกปฏิเสธไม่ได้โจมตีโรงละครดังกล่าว รวมทั้งตอบโต้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า กระทำสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และไม่มีวันจะให้อภัย พร้อมเตือนรัสเซียมีศักยภาพในการทำให้วอชิงตันสำเหนียกตัวว่า ไม่ได้มีความสำคัญอย่างที่คิด รวมทั้งกล่าวหาตะวันตกปลุกปั่นกระแสเกลียดกลัวเพื่อให้รัสเซียเกิดการแตกแยก
กระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุในคำแถลงว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพรัสเซียในเมืองมาริอูโปลเมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) ได้ถล่มใส่ส่วนตรงกลางของอาคารโรงละครซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นอาคารที่สง่างาม และมีพลเรือนหลายร้อยคนไปพำนักอาศัยนับตั้งแต่ที่บ้านเรือนของพวกเขาถูกทำลายไปจากการสู้รบ
คำแถลงบอกว่ามีผู้คนจำนวนมากถูกฝังอยู่ในกองปรักหักพังของอาคารโรงละคร ถึงแม้ฝ่ายยูเครนทั้งในส่วนกลาง และที่มาริอูโปล ยังไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลตัวเลขในทันทีว่ามีผู้สังหารหรือได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนเท่าใด
ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวในคำแถลงตอนดึกวันพุธ พูดถึงการโจมตีโรงละครนี้ และบอกว่า “หัวใจสลายจากสิ่งที่รัสเซียทำกับประชาชนของเรา มาริอูโปลของเรา และเขตโดเน็ตสก์ของเรา”
ก่อนหน้านี้ วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูโปล กล่าวในคลิปที่โพสต์บนสื่อสังคมเทเลแกรมว่า คำเดียวที่จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้คือ รัสเซียกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน
ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัทแม็กซาร์ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมา เผยให้เห็นโรงละครแห่งนี้ที่มีการเขียนคำว่า “เด็ก” ที่พื้นด้านข้างอาคารสองด้าน และในวันพุธ เจ้าหน้าที่ยูเครนโพสต์ภาพอาคารดังกล่าวซึ่งตรงกลางถูกทำลายยับเยินจากระเบิดที่พวกเขาระบุว่าเครื่องบินรบรัสเซียทิ้งใส่
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดตามสัมภาษณ์พวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในมาริอูโปล ที่ถูกกองทัพรัสเซียปิดล้อม ผ่านทางโทรศัพท์ในวันพฤหัสบดี โดยพวกเขาเล่าว่า กำลังพยายามหาทางฝ่ากองปรักหักพังของโรงละครเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต
เปโตร อันดรูชเชนโก ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีมาริอูโปลบอกว่า สถานหลบภัยลูกระเบิดของโรงละครดูยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ เวลานี้กำลังมีการเก็บกวาดพวกสิ่งหักพังกันอยู่ โดยที่ทราบแล้วว่ามีผู้รอดชีวิต และยังไม่ทราบว่ามีเหยื่อเคราะห์ร้ายจำนวนเท่าใด และผู้รอดชีวิตจำนวนเท่าใดแน่ๆ
ด้านเทตยานา อิกนัตเชนโก โฆษกของคณะบริหารฝ่ายทหารเขตโดเน็ตสก์ ของรัฐบาลยูเครน แถลงว่า โรงละครแห่งนี้มีผู้คนอยู่ข้างในราว 1,000 คนเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน
“แต่หลังจากนั้น ผู้คนจำนวนมากสามารถหลบหนีออกไปได้ เราไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่ามีคนยังอยู่ในโรงละครเป็นจำนวนเท่าใด เราแค่สามารถสันนิษฐานได้ว่าคงเหลือสัก 400-500 คน ก็คือราวๆ ครึ่งหนึ่ง”
สำหรับทางรัสเซียนั้น กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวแถลงปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีโรงละครแห่งนั้น และโทษว่า เป็นฝีมือสมาชิกกลุ่มนาซีใหม่ขวาจัดของยูเครนเองที่ชื่อว่า “กองทัพอาซอฟ”
ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซัคฮาโรวา กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียเป็นผู้ทิ้งระเบิดใส่โรงละครแห่งนี้คือ “คำโกหก” พร้อมกับย้ำคำปฏิเสธเรื่อยมาของเครมลินที่ว่า กองทหารรัสเซียไม่ได้พุ่งเป้าโจมตีพลเรือนตั้งแต่เริ่มบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
“กองทัพรัสเซียไม่ถล่มโจมตีเมือง ไม่ว่าเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่” เธอกล่าวขณะแถลงข่าว
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านระบบวิดีโอลิงก์ ซึ่งเขาเรียกร้องให้เพิ่มความช่วยเหลือเคียฟเพื่อต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย รวมทั้งเรียกร้องให้วอชิงตันและพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ประกาศเขตห้ามบินเพื่อให้รัสเซียไม่สามารถโจมตีทางอากาศเมืองต่างๆ ของยูเครน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนาโต้คัดค้านคำขอของเซเลนสกีในการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำสงครามกับรัสเซียซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง โดยเตือนว่า การกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 แม้ผู้นำยูเครนให้สัมภาษณ์เอ็นบีซีว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 อาจกำลังเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี ในวันพุธ ไบเดนประกาศมาตรการช่วยเหลือใหม่ด้วยการจัดหาอาวุธให้ยูเครนรวมมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และยังเสนอให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เคียฟได้รับระบบต่อต้านอากาศยานพิสัยไกลขึ้น
นอกจากนี้ ประมุขทำเนียบขาวยังประณามประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเป็น “อาชญากรสงคราม”
ทางด้านเครมลินประกาศว่า รับไม่ได้และไม่มีทางให้อภัยสำหรับความคิดเห็นดังกล่าวที่มาจากผู้นำประเทศที่ทิ้งระเบิดสังหารผู้คนนับแสนทั่วโลก
นอกจากนั้น ปูตินยังปราศรัยออกทีวีกล่าวหาตะวันตกพยายามทำให้สังคมรัสเซียแตกแยก และประณามผู้ทรยศในรัสเซียที่ให้การช่วยเหลือตะวันตก โดยบอกว่า คนรัสเซียจะขยี้คนทรยศเหล่านั้นเหมือนตัวริ้น
ประมุขวังเครมลินสำทับว่า การบุกยูเครนมีความคืบหน้าตามแผน และรัสเซียจะไม่ยอมปล่อยให้ตะวันตกใช้ยูเครนเป็นทางลัดเพื่อดำเนินมาตรการก้าวร้าวกับรัสเซีย
ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกเครมลิน เตือนอเมริกาว่า มอสโกมีศักยภาพที่จะทำให้วอชิงตันสำนึกตัวว่า ไม่ได้สำคัญอย่างที่คิด และสำทับว่า ความพยายามปลุกปั่นกระแสเกลียดกลัวรัสเซียเพื่อให้รัสเซียยอมจำนนไม่มีทางสำเร็จ
รัสเซียยังระบุว่า มาตรการแซงก์ชันทำอะไรตนไม่ได้ พร้อมประกาศตัดสัมพันธ์กับตะวันตกและพัฒนาความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอื่นอย่างเช่นจีนแทน
ในส่วนการเจรจาสันติภาพนั้น เพสคอฟกล่าวว่า ข้อสรุปที่ประนีประนอมจะขึ้นอยู่กับการที่ยูเครนจะยอมเปลี่ยนสถานะตนเองให้เป็นชาติที่เป็นกลางเช่นเดียวกับสวีเดนและออสเตรียหรือไม่ โดยจะมีการหารือกันในประเด็นการทหาร การเมือง และมนุษยธรรมผ่านระบบวิดีโอลิงก์อีกครั้งในวันพฤหัสฯ (17) ซึ่งเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน
ทว่า ทั้งเซเลนสกี และชาวยูเครนจำนวนมากไม่ยอมรับแนวคิดดังกล่าวของรัสเซีย
ขณะเดียวกัน ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไม่เคยเห็นสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ถูกโจมตีมากเท่าที่เกิดขึ้นในยูเครนขณะนี้มาก่อน และเตือนว่า สถานการณ์ถึงจุดที่ระบบสาธารณสุขในยูเครนใกล้ล่ม
WHO แจงว่า มีการโจมตีสถานพยาบาล รถพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ในยูเครน ที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันแล้ว 43 กรณี นับจากที่รัสเซียเริ่มโจมตี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน และบาดเจ็บ 34 คน
(ที่มา : เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)