สงครามรัสเซียกับยูเครนผ่านไปแล้ว 20 วันมีแต่ซากปรักหักพังของบ้านเมืองเกือบทั่วประเทศยูเครนที่เป็นเป้าหมายการโจมตีของกองทัพรัสเซียซึ่งอยู่ในสภาพที่รบสู้ไปพร้อมกับเจรจากับตัวแทนฝ่ายยูเครน ซึ่งผ่านไป 4 รอบยังไม่มีวี่แววว่าจะตกลงกันได้
ฝ่ายนาโตและประชาคมยุโรปยังคงให้การสนับสนุนยูเครนทางด้านอาวุธและเงินเพื่อพยุงสถานะรัฐบาลให้อยู่รอดจากความล่มสลาย ซึ่งนับวันมีแต่จะเห็นเค้าลางความพังพินาศของบ้านเมือง ขณะที่ทหารรัสเซียปิดล้อมและถล่มด้วยอาวุธทุกชนิด
ประชาชนชาวยูเครนเกือบ 3 ล้านคนได้อพยพออกนอกประเทศ และไปอยู่อาศัยในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเฉพาะโปแลนด์ประเทศเดียวก็รับไว้แล้วเกือบ 2 ล้านคนสร้างภาระอย่างหนักให้ประเทศเหล่านั้น
คาดการณ์ว่าจะมีผู้ลี้ภัยจากยูเครนมากกว่า 7 ล้านคน นั่นหมายความว่าจำนวนมากกว่าประชากรของหลายประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป ซึ่งจะต้องรับภาระเลี้ยงดูยาวเพราะโอกาสที่จะกลับคืนสู่ยูเครนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี อดีตตัวตลกชื่อดังบนจอทีวียังคงขึ้นจอทีวีอ้อนขอความช่วยเหลือจากหลายประเทศผ่านรัฐสภา ซึ่งก็ได้รับความเห็นใจตามบรรยากาศและกระแสที่ต้องเอาใจช่วยเพราะถือว่าเป็นจุดยืนร่วมระหว่างนาโตและประชาคมยุโรปที่จะต้องต่อต้านและลงโทษรัสเซีย
ทั้งยังแบ่งงานกันทำกับนายกรัฐมนตรีเพื่อปลุกกระแสไม่ให้การสนับสนุนแผ่ว ลง ทั้งที่รู้ว่าโอกาสที่ยูเครนชนะสงครามนั้นแทบมองไม่เห็น มีแต่ความล่มสลายของประเทศ
นอกจากให้อาวุธ เงินสนับสนุนแล้วบรรดาผู้นำชาติในกลุ่มประชาคมยุโรป และนาโตยังเดินสายไปเยี่ยมผู้นำตัวตลกในเมืองเคียฟ เหมือนแสดงให้เห็นว่ามีความปลอดภัยสำหรับคนที่จะไปเยือนเมืองหลวงที่อยู่ในแดนสงคราม
รอบแรกนี้มีผู้นำของโปแลนด์สโลวีเนียและสาธารณรัฐเช็ก แต่ว่าเดินทางโดยรถไฟเพราะไม่อยากเสี่ยงจากการถูกยิงตก โดยหน่วยป้องกันทางอากาศของรัสเซียหรือเครื่องบินรบของรัสเซียที่ยังครองน่านฟ้ายูเครน เพราะกลุ่มประเทศนาโตไม่กล้าประกาศปิดน่านฟ้ายูเครนเพราะเสี่ยงที่จะเกิดสงครามโดยตรงกับรัสเซีย
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนได้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะไม่ปิดน่านฟ้ายูเครนเพราะเท่ากับเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งจะไม่มีอะไรเหลือ เพราะทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียแต่ละฝ่ายมีจรวดติดหัวรบนิวเคลียร์เกือบ 6 พันลูก เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของจำนวนรวมโลกนี้คงไม่เหลือให้สิ่งมีชีวิตอยู่ได้
ช่วงที่ผู้นำ 3 ประเทศไปเยือนกรุงเคียฟต้องประกาศเคอร์ฟิวนาน 36 ชั่วโมงเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีความปลอดภัยอย่างเต็มที่ แต่จะได้อะไรเป็นความสำเร็จนั้นคงจะยากเพราะอย่างมากก็เพียงช่วยส่งอาวุธให้ทหารยูเครนและรับผู้ลี้ภัยเท่านั้น
การสู้รบที่เป็นอยู่นั้นยังคงอยู่ในสภาพเหมือนเดิม คือเมืองต่างๆ ถูกปิดล้อมโดยทหารรัสเซียกดดันให้ประชาชนออกนอกพื้นที่ไม่ต้องเสี่ยงกับความอดอยากอาหารและน้ำ หลังจากนั้นทหารรัสเซียจะใช้อาวุธถล่มอพาร์ตเมนต์ ให้เหลือแต่ซากไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ต่อไป
ถ้าจะดูเจตนาของรัสเซียก็คือต้องการให้ชาวยูเครนอพยพหนีสงครามออกไปนอกประเทศให้มากที่สุด ไม่สร้างภาระให้กับประเทศในประชาคมยุโรปอาจจะเหลือเพียงคนรัสเซียซึ่งมี 14% ของประชาชนยูเครนไว้เท่านั้น
ฝ่ายสหรัฐฯ และประชาคมยุโรปทำได้ก็เพียงยกระดับการคว่ำบาตรคราวนี้เล่นงานบุคคลเช่นบรรดามหาเศรษฐีรัสเซียที่อยู่ในอังกฤษและนักการเมือง รวมทั้งผู้แทนรัฐสภาของรัสเซียแม้แต่ผู้นำประเทศอย่างวลาดิมีร์ ปูติน ก็ไม่รอดจากการคว่ำบาตร
ฝ่ายรัสเซียก็เริ่มตอบโต้ด้วยมาตรการคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน อาจจะไม่สร้างผลกระทบอย่างมากแต่ว่ากระจายไปหลายประเทศ โดยเฉพาะเรื่องราคาพลังงานที่สูงขึ้นและการตัดความสัมพันธ์ซื้อขายสินค้าต่างๆ ทำให้ชาวยุโรปต้องรับกับค่าครองชีพสูงขึ้น และต้องเลี้ยงดูผู้อพยพชาวยูเครนทิ้งแผ่นดิน
ล่าสุดความขัดแย้งและความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ อาจลามไปยุ่งกับจีนซึ่งได้รับคำเตือนจากผู้นำรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า ถ้าหากให้การสนับสนุนรัสเซียจะต้องเผชิญกับผลพวงของความเลวร้าย ไม่ต่างจากรัสเซีย
นี่เป็นคำขู่ชัดเจนจากสหรัฐฯ ซึ่งยังคงยึดตำแหน่งผู้นำด้านลัทธิความเป็นเจ้าทุกภูมิภาคทั่วโลก และทำตัวเป็นตำรวจโลกสามารถบงการองค์กรต่างๆ รวมทั้งสหประชาชาติ
จีนจะกลัวคำขู่ของสหรัฐฯ จนตัวสั่นงันงก ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไม่ ไม่มีใครไปแอบดูประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แต่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าจีนไม่เคยเกรงกลัวกับมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ตรงกันข้ามกลับใช้มาตรการตาต่อตา ฟันต่อฟันเชือดเฉือนกับสหรัฐฯ อย่างถึงพริกถึงขิงไม่หวั่นความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าจีนเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เองเลขาธิการสหประชาชาตินายอันโตนิโอ กูเตอร์เรสจึงได้แถลงวันก่อนว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนนั้น มีความเป็นไปได้ที่อาจจะลามไปเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ได้ แต่ก็หวังว่าคงจะไม่เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจไม่ให้เกินขอบเขตกว่าที่เป็นอยู่
คนทั้งโลกก็คงเหมือนกับผู้นำสหประชาชาติที่ไม่ต้องการเห็นภัยพิบัติ ซึ่งทำให้หายนะทั้งโลก