ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ให้สัมภาษณ์สื่อสเปนที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (14 มี.ค.) ว่า อียูไม่ได้กำลังทำสงครามกับรัสเซีย พร้อมแนะบรรดาชาติตะวันตกไม่ควรเข้าไปพัวพันในความขัดแย้งระหว่างมอสโกกับยูเครน โดยอ้างว่าการเผชิญหน้าใดๆ ระหว่างรัสเซียกับนาโต้อาจไม่ต่างอะไรจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสงครามนิวเคลียร์
อดีตนายกรัฐมนตรีเบลเยียมให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ เอล ปาอิส ในวันเสาร์ (12 มี.ค.) หลังการประชุมซัมมิตอียูในวันศุกร์ (11 มี.ค.) "รัสเซียคือมหาอำนาจนิวเคลียร์ และเราทราบดีว่าหากความขัดแย้งนี้เบี่ยงเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างนาโต้กับรัสเซีย เราจะไถลเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3"
มิเชล สนับสนุนหนทางด้านการทูต พร้อมเตือนว่า "ทุกความขัดแย้งล้วนน่าตื่นตกใจ มีความรุนแรงและบ่อยครั้งยุ่งยาก" แต่ด้วยศักยภาพทางนิวเคลียร์ของรัสเซีย ขอบเขตความเป็นไปได้ของการเผชิญหน้าทางทหารกับมอสโก จะมีลักษณะต่างออกไป
"ผมสนับสนุนปฏิบัตินิยม" เขากล่าว พร้อมระบุว่ายุโรปควรมุ่งเน้นผลักดันในประเด็นเฉพาะหน้าทั้งหลาย อย่างเช่นการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปฏิบัติการทางทหาร สถานะของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของยูเครน และการเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกกับเคียฟ
"เราจำเป็นต้องพูดกับใครก็ตามที่อยู่ในเครมลินในวันนี้ เพราะว่าบรรดาชาติประชาธิปไตยทั้งหลายควรพูดคุยกับประเทศต่างๆ แม้ว่าพวกเขาดูเหมือนไม่เป็นประชาธิปไตยก็ตาม" มิเชลระบุ
ประธานคณะมนตรียุโรปรายนี้บอกด้วยว่าเขาพูดคุยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นการส่วนตัวเป็นประจำ และ "ประวัติศาสตร์ในความสัมพันธ์ระหว่างเรา ช่วยให้พวกผู้นำทั้งสองฝ่ายเข้าใจมุมมองของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขามีมุมมองที่ต่างกันก็ตาม"
อย่างไรก็ตาม มิเชล เชื่อว่ามันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงในสมดุลอำนาจที่สามารถสนับสนุนความคืบหน้าของการเจรจาในอนาคต พร้อมระบุว่ายุโรปไม่ควรละทิ้งบทบาทคนกลางในความขัดแย้ง และไม่ควรมอบบทบาทนี้ให้แก่มหาอำนาจภายนอกหนึ่งๆ
เมื่อถูกถามว่ารัสเซียควรเผชิญกระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศหรือไม่ ต่อสิ่งที่เคียฟและตะวันตกเรียกว่าเป็นการรุกรานยูเครน มิเชล ตอบกลับว่า "ไม่มีกฎหมายสากลใดที่ปราศจากความยุติธรรม" แต่บอกว่า "มันขึ้นอยู่กับองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลายที่จะเป็นตัดสินว่ามอสโกควรตอบคำถามสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่"
มิเชล กล่าวด้วยว่าอียูกำลังพยายามให้การสนับสนุนยูเครนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ความขัดแย้ง พร้อมระบุว่ายุโรปได้ทำลายข้อห้ามต่างๆ ของตนเองไปแล้ว ด้วยการส่งมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ายุโรปไม่อาจอนุมัติให้ทุกอย่างตามที่เคียฟต้องการ โดยเฉพาะในเรื่องของความประสงค์ของยูเครนที่ต้องการเข้าร่วมอียู
"การเพิ่มสมาชิกเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ซึ่งทุกประเทศยุโรปไม่ใช่ว่าจะมีความเห็นแบบเดียวกับ" เขากล่าว พร้อมบอกว่าผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆ ที่ต่างเข้าสู่เส้นทางการเป็นสมาชิกอียู อย่างเช่นเซอร์เบีย แอลเบเนีย และมอนเตเนโกร ก็ควรถูกพิจารณาเช่นกัน
รัสเซียเปิดฉากรุกรานทางทหารในยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ โดย ปูติน เน้นย้ำว่าเจตนาของรัสเซียคือทำลายนาซีและปลดอาวุธชาติเพื่อนบ้าน และรับประกันว่ายูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้
ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมอสโกกล่าวหาว่าเคียฟ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนที่พูดภาษารัสเซียใน 2 สาธารณรัฐแบ่งแย่งดินแดน ในภูมิภาคดอนบาสส์ มานานกว่า 7 ปี ทั้งนี้ ปูติน ให้การรับรอง 2 สาธารณรัฐดังกล่าว ไม่กี่วันก่อนหน้าเปิดฉากรุกรานยูเครน
(ที่มา : ฟาร์สนิวส์)