รัสเซียเปิดการโจมตียูเครนอีกระลอก โดยเน้นเป้าหมายพวกสนามบินและสิ่งปลูกสร้างด้านเชื้อเพลิง โดยดูเหมือนเป็นระยะถัดไปของการรุกราน ซึ่งความคืบหน้ามีอันต้องชะลอลงเนื่องจากเผชิญการต่อต้านอย่างดุเดือด ขณะที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเร่งรีบจัดส่งเครื่องกระสุนและอาวุธไปยังกรุงเคียฟ ด้านประธานาบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยังคงประกาศลั่นว่า ประเทศของเขาจะไม่ยอมก้มหัวให้มอสโก
บริเวณตอนใต้ของกรุงเคียฟเกิดการระเบิดขนาดใหญ่มากหลายครั้งในช่วงก่อนรุ่งสางของวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) จนทำให้ท้องฟ้าที่ยังมืดมิดอยู่ส่องสว่างโพลง สำนักงานของประธานาธิบดีเซเลนสกี แถลงว่า การระเบิดเหล่านี้จุดหนึ่งเกิดขึ้นบริเวณใกล้ๆ สนามบินจูเลียนี ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของเมืองหลวงห่างจากศูนย์กลางเมืองราว 40 กิโลเมตร ขณะที่นายกเทศมนตรีของเมืองวาซิลคิฟ ซึ่งอยู่ห่างเมืองหลวงไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร บอกว่า คลังน้ำมันแห่งหนึ่งถูกโจมตี
สำนักงานของเซเลนสกี กล่าวด้วยว่า กองทหารรัสเซียยังได้ระเบิดสายท่อส่งแก๊สสายหนึ่งในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ รัฐบาลยังออกคำเตือนว่า ควันไฟจากการระเบิดครั้งใหญ่มากเช่นนี้อาจก่อให้เกิด “ความหายนะทางสิ่งแวดล้อม” และแนะนำประชาชนให้ปิดหน้าต่างที่พักให้สนิทและอุดช่องด้วยผ้าชื้นๆ หรือผ้ากอซ
“เราะต่อสู้ไม่ว่าจะยาวนานแค่ไหนเพื่อปลดแอกประเทศชาติของเรา” เซเลนสกี ประกาศ
ชาวกรุงเคียฟทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งอยู่ในอาการขวัญผวา ต่างเที่ยวหาที่ปลอดภัยทั้งตามอาคารจอดรถบนพื้นดิน และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน และรัฐบาลบังคับเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถานเป็นเวลา 39 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ประชาชนออกมาอยู่ตามท้องถนน เวลานี้มีชาวยูเครนมากกว่า 150,000 คนที่หลบหนีออกจากประเทศ เดินทางไปยังโปแลนด์ มอลโดวา ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ โดยที่สหประชาชาติเตือนว่าจำนวนอาจเพิ่มขึ้นไปจนถึงหลัก 4 ล้านคน ถ้าหากการสู้รบบานปลายขยายตัวออกไปอีก
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยังไม่ได้เปิดเผยแผนการขั้นสุดท้ายของเขา แต่พวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายตะวันตกเชื่อว่า เขามุ่งมั่นที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบัน และเอาระบอบปกครองของเขาเองเข้าแทนที่ เป็นการวาดแผนที่ยุโรปขึ้นมาใหม่และฟื้นฟูอิทธิพลของมอสโกในยุคสงครามเย็น
เพื่อช่วยเหลือให้ยูเครนสามารถที่จะยืนหยัดต่อไปได้ สหรัฐฯ ให้คำมั่นที่จะส่งความช่วยเหลือทางทหารคิดเป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์เพิ่มเติมให้แก่ยูเครน โดยในจำนวนนี้จะมีทั้งอาวุธต่อสู้รถถัง เกราะกันกระสุน และปืนเล็ก ด้านเยอรมนีประกาศจะจัดส่งขีปนาวุธและอาวุธต่อสู้รถถังไปให้ยูเครน รวมทั้งจะปิดน่านฟ้าของตนไม่ต้อนรับเครื่องบินของยูเครน
สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร ยังตกลงกันที่จะปิดกั้นธนาคารรัสเซียบางแห่ง “ที่ผ่านการเลือกสรร” จากระบบ SWIFT ที่เป็นระบบสื่อสารโทรคมมาคมทางการเงินของโลก ซึ่งทำหน้าที่โอนย้ายเงินให้แก่ธนาคารและสถาบันทางการเงินอื่นๆ กว่า 11,000 แห่งทั่วโลก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแซงก์ชันรอบใหม่ซึ่งมุ่งหมายทำให้มอสโกต้องแบกรับค่าใช้จ่ายหนักอึ้งสำหรับการรุกรานคราวนี้ นอกจากนั้น ทั้ง 3 ฝ่ายยังเห็นชอบที่จะประกาศ “มาตรการในขอบเขตจำกัด” จำนวนหนึ่งเพื่อเล่นงานธนาคารกลางของรัสเซีย
ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีพื้นที่เท่าใดแล้วที่ถูกกองทหารรัสเซียยึดไปได้ หรือการรุกของฝ่ายรัสเซียมีการชะลอลงมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรแถลงว่า “อัตราความเร็วของการรุกคืบหน้าของรัสเซียได้ชะลอลงชั่วคราว โดยน่าจะเป็นผลของความยากลำบากทางด้านการส่งกำลังบำรุงอย่างรุนแรง และการต่อต้านอย่างแข็งขันของชาวยูเครน”
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมของสหรัฐฯ ผู้หนึ่งเผยว่า แสนยานุภาพสู้รบของฝ่ายรัสเซียซึ่งไปชุมนุมพลกันอยู่ตามแนวชายแดนของยูเครนก่อนหน้านี้ เวลานี้กว่าครึ่งหนึ่งได้เคลื่อนเข้าประเทศนั้แล้ว และมอสโกจะต้องจัดหาซัปพลายเชื้อเพลิง ตลอดจนหน่วยสนับสนุนอื่นๆ ของตนภายในยูเครนเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ในตอนแรก เจ้าหน้าที่ผู้นี้ขอพูดในเงื่อนไขไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อจะได้สามารถพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการประเมินเป็นการภายในของฝ่ายสหรัฐฯ ได้
ในส่วนของมาตรการเคอร์ฟิวซึ่งบังคับใช้กับทุกๆ คนในกรุงเคียฟ ตามกำหนดจะสิ้นสุดลงตอนเช้าวันจันทร์ (28) การห้ามออกนอกบ้านเช่นนี้ทำให้บรรยากาศในเมืองหลวงค่อนข้างเงียบสงบ โดยมีเสียงยิงปืนให้ได้ยินกันเป็นพักๆ
สำหรับการสู้รบซึ่งเกิดขึ้นตามบริเวณนอกเมืองกรุงเคียฟนั้น บ่งชี้ให้เห็นว่าหน่วยทหารรัสเซียหน่วยเล็กๆ กำลังพยายามเคลียร์เส้นทางให้แก่กองกำลังหลัก โดยที่มีรายงานว่ามีทหารรัสเซียกลุ่มเล็กๆ เข้าไปอยู่ภายในกรุงเคียฟแล้ว แต่ทั้งสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ กล่าวว่า กำลังหลักของทัพรัสเซียยังอยู่ห่างจากศูนย์กลางกรุงเคียฟประมาณ 30 กิโลเมตร เมื่อตอนบ่ายวันเสาร์ (26)
รัสเซียอ้างว่า การบุกโจมตียูเครนจาก 3 ด้านของตน คือ จากทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ มีจุดมุ่งหมายเพียงแค่มุ่งเล่นงานพวกเป้าหมายทางทหาร แต่ก็มีสะพาน โรงเรียน และย่านที่อยู่อาศัยต่างๆ ถูกโจมตีด้วย
รัฐมนตรีสาธารณสุขยูเครนรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า มีผู้ถูกสังหารไป 198 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 คน และยังมีอีกกว่า 1,000 คนได้รับบาดเจ็บระหว่างการสู้รบครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นสงครามภาคพื้นดินครั้งใหญ่ที่สุดของยุโรปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าตัวเลขเหล่านี้ครอบคลุมทั้งผู้บาดเจ็บล้มตายฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือนใช่หรือไม่
มีขีปนาวุธลูกหนึ่งที่ถูกยิงเข้าไปในอาคารสูงซึ่งทำเป็นที่พักอาศัยหลังหนึ่ง ในบริเวณชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ ใกล้ๆ กับ 1 ในสนามบินรับผู้โดยสาร 2 แห่งของนครนี้ ทำให้เกิดรูโหว่ขอบขรุขระขึ้นที่อาคารซึ่งได้รับความเสียหายหลังนี้ โดยที่รูโหว่นี้เจาะทะลุผ่านชั้นหลายชั้นทีเดียว เจ้าหน้าที่กู้ภัยู้หนึ่งกล่าวว่า มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บไป 6 คน
เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ อ็อคซานา มาร์คาโรวา บอกว่า กองทหารในเคียฟกำลังต่อสู้กับ “กลุ่มนักบ่อนทำลาย” ชาวรัสเซีย ยูเครนอ้างว่าจับทหารรัสเซียไว้ได้ราว 200 คน และสังหารไปอีกหลายพันคน
มาร์คาโรวา กล่าวว่า ยูเครนกำลังรวบรวมหลักฐานเรื่องมีการยิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่ที่พักอาศัย โรงเรียนอนุบาล และโรงพยาบาล เพื่อยื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศในกรุงเฮก เพื่อพิจารณาฟ้องร้องฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
เกี่ยวกับลู่ทางเจรจาหยุดยิงกัน เซเลนสกี กล่าวย้ำในข้อความรูปลักษณ์วิดีโอชิ้นหนึ่ง ว่าเขายังคงเปิดกว้างในเรื่องการเจรจากับรัสเซีย พร้อมกับบอกว่าเขายินดีต้อนรับข้อเสนอที่มาจากตุรกีและอาเซอร์ไบจานในลักษณะเป็นความพยายามทางการทูตร่วมกัน แต่เท่าที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ ความพยายามดังกล่าวดูจะประสบความล้มเหลวไปแล้ว
ด้านเครมลินยืนยันว่า มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างปูติน กับประธานาธิบดีอิลฮัม อาลิเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน แต่ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับการเจรจากันใหม่อีกครั้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทั้งนี้ 1 วันก่อนหน้านี้ เซเลนสกีเสนอที่เจรจากันตามข้อเรียกร้องสำคัญข้อหนึ่งของฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ การที่ยูเครนจะไม่เข้าเป็นสมาชิกนาโต้
ปูตินส่งกองทัพเข้ายูเครน หลังจากปฏิเสธเรื่อยมาตลอดเวลาหลายสัปดาห์ว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจจะทำเช่นนั้น ขณะที่จัดแจงสั่งสมกำลังทหารเอาไว้ตามแนวชายแดนติดกับยูเครน รวมแล้วเป็นจำนวนเกือบๆ 200,000 นาย เขาอ้างว่าฝ่ายตะวันตกล้มเหลวไม่ได้ใส่ใจจริงจังกับความกังวลด้านความมั่นคงของรัสเซียสืบเนื่องจากนาโต้ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางทหารของฝ่ายตะวันตกที่นาโต้มุ่งมาดปรารถนาจะเข้าเป็นสมาชิก แต่ปูตินก็แสดงความเหยียดหยามออกมาใหเห็นเช่นกัน ในเรื่องสิทธิของยูเครนที่จะดำรงคงอยู่ในฐานะเป็นรัฐเอกราช
ความตึงเครียดและการสู้รบขัดแย้งกันที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายราคาแพงลิ่วแก่ยูเครนเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งดูเหมือนเกิดขึ้นแก่กองทหารรัสเซียด้วยเช่นกัน
กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนรายงานว่า ขีปนาวุธลูกหนึ่งของรัสเซียถูกสอยร่วงลงมาในช่วงก่อนรุ่งสางของวันเสาร์ (26) ขณะมุ่งหน้าที่ยังเขื่อนของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่โตกว้างขวางแห่งหนึ่ง ซึ่งเก็บสะสมน้ำใช้สอยให้แก่กรุงเคียฟ รัฐบาลยูเครนยังอ้างด้วยว่า ขบวนยานยนต์รัสเซียขนาดหนึ่งถูกทำลาย โดยภาพจากวิดีโอแสดงให้เห็นทหารกำลังตรวจสอบยานยนต์หลายคันที่อยู่ในสภาพถูกเผา หลังจากที่กองพลน้อยที่ 101 ของยูเครนรายงานว่า ทำลายขบวนยานยนต์ที่ประกอบด้วยยานยนต์ขนาดเบา 2 คัน รถบรรทุก 2 คัน และรถถัง 1 คัน ข้ออ้างนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยัน
ทางหลวงสายต่างๆ มุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟจากภาคตะวันออก มีการจัดตั้งจุดตรวจจำนวนมากที่ดูแลรับผิดชอบโดยกองทหารยูเครนและคนหนุ่มจำนวนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพลเรือนถืออาวุธปืนเล็กยาวอัตโนมัติ มีเครื่องบินหลายลำบินต่ำๆ ตรวจการณ์อยู่บนท้องฟ้า ทว่าไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเครื่องบินของฝ่ายรัสเซียหรือฝ่ายยูเครน
นอกจากกรุงเคียฟแล้ว การโจมตีของรัสเซียดูเดหมือนโฟกัสไปยังพวกพื้นที่ชายฝั่งที่ทรงความสำคัญทางเศรษฐกิจของยูเครน จากบริเวณใกล้ๆ ท่าเรือริมทะเลดำของเมืองโอเดซา ในภาคตะวันตก ไปจนถึงท่าเรือในทะเลอาซอฟ ของเมืองมาริโปล ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก
พวกทหารยูเครนในมาริโปล คอยตรวจตรารักษาสะพานต่างๆ และกั้นไม่ให้ผู้คนขึ้นมาจากแนวชายฝั่ง ท่ามกลางความกังวลว่ากองทัพเรือรัสเซียอาจเปิดฉากโจมตีจากทางทะเล
มีรายงานว่าเกิดการสู้รบอย่างดุเดือดใน 2 พื้นที่ทางตะวันออกนั่นคือ โดเน็ตสก์ และ ลูฮันสก์ ซึ่งควบคุมโดยพวกแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซีย พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในโดเน็ตสก์บอกว่า สายท่อน้ำร้อนที่จ่ายให้แก่เมืองซึ่งมีประชากรราว 900,000 คนแห่งนี้ ต้องปิดไปชั่วคราวเพราะระบบเกิดความเสียหายจากการยิงปืนใหญ่ใส่ของฝ่ายยูเครน
(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี)