xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียระดมยิงขีปนาวุธ-ส่งทหารบุกยูเครนจาก 3 ด้าน ยุโรปหวั่นศึกใหญ่ระเบิด ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปยังซากเคร่องบินอันโตนอฟ ของกองทัพอากาศยูเครน ซึ่งถูกยิงตกในแคว้นเคียฟ ทั้งนี้เข้าใจกันว่าถูกสอยโดยฝ่ายรัสเซีย (ภาพเผยแพร่โดยสำนักงานบริการเหตุฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.พ.)
กองทัพรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธใส่หลายเมืองใหญ่ของยูครน พร้อมส่งกำลังทหารบุกทั้งทางภาคพื้นดิน อากาศ และทะเล เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ภายใต้ข้ออ้างของปูตินที่ว่า เพื่อป้องกัน “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” คนชาติพันธุ์รัสเซีย ด้านไบเดนและผู้นำชาติพันธมิตรตะวันตกต่างประณามมอสโกว่ากระทำการรุกรานโจมตีอย่างบ้าบิ่นและปราศจากการยั่วยุ พร้อมกับกระพือความหวาดกลัวว่า จะมีการสู้รบครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ วิกฤตการณ์นี้ผลักดันให้ชาวยูเครนในหลายเมืองทิ้งบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด อีกทั้งส่งให้ราคาน้ำมันทะยานทะลุ 100 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับจากปี 2014

ในวันพฤหัสฯ รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มเมืองต่างๆ ของยูเครน ขณะที่ทางการกรุงเคียฟรายงานว่า ทหารรัสเซียบุกข้ามพรมแดนทางภาคตะวันออกเข้าสู่เมืองเชอร์นิฮิฟ คาร์คีฟ และเขตลูฮันสก์ และยังยกพลขึ้นบกในเมืองท่าโอเดสซา และมาริโพลทางตอนใต้ รวมทั้งส่งรถถังและอาวุธหนักข้ามพรมแดนมาทางเหนือจากเขตต่างๆ ของรัสเซีย

ขณะที่รอยเตอร์รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังในกรุงเคียฟในช่วงก่อนรุ่งสาง และมีเสียงปืนใกล้ๆ สนามบินหลักในเมืองหลวงของยูเครน รวมทั้งเสียงไซเรนดังทั่วเมือง

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประกาศกฎอัยการศึก และแถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย มีเป้าหมายทำลายยูเครน แต่เรียกร้องพลเมืองไม่ให้ตื่นตระหนกโดยยืนยันว่า ยูเครนจะเป็นฝ่ายชนะ

ส่วน ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ทวีตว่า ปูตินเพิ่งเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบ และยูเครนจะปกป้องประเทศและมีชัยชนะ พร้อมเรียกร้องทั่วโลกลงมือหยุดยั้งปูติน

สำหรับ โจเซฟ บอร์เรลล์ ประธานกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่มืดมิดที่สุดของยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2

มีรายงานว่า ชาวเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนและเมืองใหญ่ที่สุดที่อยู่ติดพรมแดนรัสเซีย ต่างตื่นตระหนกและพยายามหนีออกนอกเมือง

พร้อมกันนั้น มีรายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ต่างๆ แต่ยังไม่มีการยืนยัน โดยยูเครนรายงานว่า มีประชาชนอย่างน้อย 8 คนเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ของรัสเซีย และเจ้าหน้าที่รักษาพรมแดน 3 นายในเขตเคอร์สัน ทางตอนใต้เสียชีวิต

กองทัพยูเครนแถลงว่า ทำลายรถถังรัสเซีย 4 คันบนถนนใกล้เมืองคาร์คิฟ อีกทั้งสังหารทหาร 50 นายใกล้เมืองในเขตลูฮันสก์ และยิงเครื่องบินรัสเซียตก 6 ลำทางตะวันออก

ทว่า รัสเซียปฏิเสธว่า เครื่องบินและยานยนต์หุ้มเกราะของตนไม่ได้ถูกทำลาย ขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนโปรรัสเซียอ้างว่า สอยเครื่องบินยูเครนร่วง 2 ลำ

ก่อนหน้าการบุกไม่กี่ชั่วโมง ปูตินปราศรัยทางทีวีว่า ได้สั่งการให้เริ่ม “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” เพื่อปกป้องประชาชนซึ่งรวมถึงพลเมืองรัสเซียจาก “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ในยูเครน อันเป็นข้อกล่าวหาที่ตะวันตกระบุว่า เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหล

นอกจากนั้น เครมลินยังแถลงก่อนหน้านั้นว่า ผู้นำสองเขตที่แยกตัวจากยูเครนขอให้มอสโกส่งทหารไปช่วยต่อสู้กับกองทัพเคียฟ

ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า ปูตินเลือกทำสงครามโดยไตร่ตรองไว้แล้ว การกระทำเช่นนี้อาจนำมาซึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่ที่มอสโกจะต้องรับผิดชอบ พร้อมให้สัญญาว่า อเมริกาและพันธมิตรจะตอบโต้รัสเซียด้วยวิธีการที่เป็นเอกภาพและเด็ดขาด

ทั้งนี้ ไบเดนมีกำหนดประชุมเสมือนกับผู้นำจี 7 ในวันพฤหัสฯ ซึ่งอาจมีการประกาศมาตรการแซงก์ชันเพิ่มเติมกับรัสเซีย

ขณะที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประณามการกระทำของรัสเซีย และ เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) กล่าวว่า พันธมิตรนาโต้จะประชุมกันเพื่อจัดการผลจากการโจมตีที่บ้าบิ่นและปราศจากการยั่วยุ” ของมอสโก ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักรประณามว่า ปูตินเลือก “เส้นทางนองเลือดและทำลายล้าง”

สำหรับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เปิดประชุมฉุกเฉินกันเมื่อคืนวันพุธ (23) ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันเพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน โดยที่แอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ยังเรียกร้องให้ปูตินถอนทหารกลับรัสเซีย การเรียกร้องของกูเตียร์เรสนี้ เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับเวลาที่ประมุขเครมลินประกาศเปิดปฏิบัติการบุกยูเครน

ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น เตือนว่า การบุกเต็มรูปแบบของรัสเซียอาจทำให้ประชาชน 5 ล้านคนต้องทิ้งถิ่นฐาน และนำไปสู่วิกฤตผู้อพยพครั้งใหม่ในยุโรป

การสัญจรบนถนนสายสำคัญของกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ติดขัดเป็นแถวยาวเหยียด เมื่อผู้คนจำนวนมากพากันเดินทางออกจากเมือง ขณะที่รัสเซียระดมทหารจำนวนมากบุกยูเครน
ในอีกด้านหนึ่ง แนวโน้มที่จะเกิดสงครามและการแซงก์ชัน กำลังส่งผลอย่างรุนแรงต่อตลาดพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ และกลายเป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้าสำหรับเศรษฐกิจโลกที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยในวันพฤหัสฯ ราคาน้ำมันดิบชนิดเบรนต์พุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับจากปี 2014

หลังจากรัสเซียสั่งเริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร 3 ชั่วโมง กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า สามารถทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารในฐานทัพอากาศ และโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน

ก่อนหน้านั้น สื่อยูเครนรายงานว่า ศูนย์บัญชาการทางทหารในเคียฟและคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธ ขณะที่กองทหารรัสเซียยกพลขึ้นบกที่เมืองโอเดสซา และมาริโพล

รัสเซียยังประกาศว่า ได้ปิดเส้นทางเดินเรือในทะเลอะซอฟ ทั้งนี้ มอสโกควบคุมช่องแคบที่ออกสู่ทะเลนี้ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองท่าหลายแห่งของยูเครน ที่รวมถึงมาริโพล และยูเครนขอให้ตุรกีขัดขวางเรือรัสเซียไม่ให้เข้าสู่ช่องแคบที่เชื่อมต่อระหว่างทะเลดำกับเมดิเตอร์เรเนียน

ยูเครนยังสั่งปิดน่านฟ้าไม่ให้เที่ยวบินพลเรือนผ่านเพื่อความปลอดภัย และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของยุโรปเตือนว่า มีความเสี่ยงในการบินผ่านบริเวณชายแดนรัสเซียและเบลารุส

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น