หัวหน้าโฆษกทำเนียบขาวระบุในวันพุธ (2 ก.พ.) จะไม่ให้คำจำกัดความความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะยกพลรุกราน ว่า "กำลังใกล้เข้ามา" อีกต่อไป แต่ยืนยันตามเดิมว่าปฏิบัติการรุกรานนี้ยังอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เจน ซากี เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว พยายามหาทางแก้ไขความยุ่งเหยิงอันเนื่องมาจากการเลือกใช้คำพูดของเธอระหว่างแถลงสรุปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยคราวนั้นเธอบอกว่าปฏิบัติการรุกรานยูเครนของทหารรัสเซียที่ระดมกำลังอยู่ตามแนวชายแดน "อาจใกล้เข้ามาแล้ว"
คำพูดดังกล่าวเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งบอกว่าเขาต้องการหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก
นอกจากนี้ เซเลนสกี ยังขอให้พวกผู้นำชาติตะวันตกเลิกสร้างความตื่นตระหนกว่ารัสเซียจะบุกยูเครน เพราะศรษฐกิจของยูเครนได้รับความเสียหายจากการรับรู้ที่ผิดพลาดว่ากำลังจะเกิดสงครามในยูเครน
เซเลนสกี ระบุว่า เขาไม่เห็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าในช่วงที่กองทัพรัสเซียระดมกำลังคล้ายๆ กันนี้ในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา “มีสัญญาณจากผู้นำประเทศที่น่านับถือ พวกเขาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีสงคราม นี่คือการตื่นตระหนก แล้วมันสร้างความเสียหายให้ประเทศเราเท่าไร” และว่า สถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศคือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของยูเครน
ผู้นำยูเครนเผยว่า ได้อธิบายระหว่างคุยโทรศัพท์กับผู้นำหลายประเทศ รวมทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสว่า แม้ภัยคุกคามจากเครมลินจะใกล้เข้ามาและเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่คนยูเครนได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันตั้งแต่รัสเซียรุกรานเมื่อปี 2014
ระหว่างการแถลงสรุปในวันพุธ (2 ก.พ.) ซากี กล่าวว่า "เราจะหยุดใช้คำพูดนี้ เพราะดิฉันคิดว่ามันเป็นการส่งสารที่เราไม่ตั้งใจส่งออกไป ซึ่งก็คือเรารู้ว่าประธานาธิบดี (วลาดิมีร์) ปูติน ได้ตัดสินใจแล้ว"
ซากีบอกว่าปกติแล้ว เธอมักพูดว่า ปูติน ได้จัดวางกำลังพลอยู่ในสถานะที่พวกเขา "สามารถรุกรานได้ทุกเมื่อ" และเธอระบุในเรื่องนี้ว่า "มันยังคงเป็นความจริง"
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเจนซี)