xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งตอบโต้มะกันพูดให้น่ากลัวเกินจริง หลังสหรัฐฯระบุจีนขยายคลังแสงนิวเคลียร์ ‘เร็วกว่าคาดมาก’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) ยานยนต์ทหารนำขีปนาวุธทิ้งตัวแบบ DF-41 ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เคลื่อนขบวนในพิธีสวนสนามเพื่อเฉลิมฉลองวระครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2019 ที่กรุงปักกิ่ง ทั้งนี้รายงานฉบับล่าสุดของเพนตากอนระบุว่า จีนกำลังขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตนรวดเร็วเกินกว่าที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯคาดการณ์เอาไว้มาก
จีนกำลังขยายคลังแสงนิวเคลียร์เร็วกว่าที่คาดหมายไว้มาก รายงานของกระทรวงกลาโหมอเมริกันระบุ อย่างไรก็ตาม ทางด้านปักกิ่งตอบโต้ทันควันในวันพฤหัสบดี (4 พ.ย.) ว่า รายงานของเพนตากอนฉบับนี้มุ่งโฆษณาถึงภัยคุกคามจากแดนมังกรให้เกินจริง

สหรัฐฯเพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า จีนคือความกังวลหลักด้านความมั่นคงของตนสำหรับช่วงอนาคตข้างหน้า ขณะที่ปักกิ่งก็กำลังดำเนินการสร้างกองทัพปลดแอกประชาชนจีนให้กลายเป็น "กองกำลังอาวุธระดับโลก" ภายในปี 2049 ทั้งนี้ตามแผนการอย่างเป็นทางการของแดนมังกร

ในรายงานฉบับล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ที่นำออกเผยแพร่วันพุธ (3) ระบุว่า จีนอาจจะมีหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถยิงไปยังเป้าหมายได้ เป็นจำนวน 700 ลูกภายในปี 2027 และอาจแตะระดับ 1,000 ลูกภายในปี 2030 ถือเป็นคลังแสงนิวเคลียร์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าที่ทางเพนตากอนเพิ่งประมาณการเมื่อ 1 ปีก่อนถึง 2 เท่าครึ่ง

นอกจากนั้นแล้ว จีนยังกำลังทำเช่นเดียวกับสหรัฐฯและรัสเซีย สองมหาอำนาจนิวเคลียร์ชั้นนำของโลกในปัจจุบัน นั่นคือกำลังสร้างสมรรถนะในการยิงอาวุธนิวเคลียร์แบบครบเครื่องทั้ง 3 แพลตฟอร์มได้แก่ การยิงขีปนาวุธทิ้งตัวจากฐานบนภาคพื้นดิน, การยิงขีปนาวุธจากอากาศ, และจากเรือดำน้ำ รายงานฉบับนี้กล่าว

ไม่เพียงเท่านั้น ปักกิ่งยังกำลัง “สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับสนับสนุนการขยายกองกำลังนิวเคลียร์ครั้งใหญ่เช่นนี้ของตน” ทั้งนี้ตามการประเมินในรายงานฉบับนี้ซึ่งเป็นรายงานว่าด้วยพัฒนาการทางการทหารของจีนที่เพนตากอนต้องทำส่งรัฐสภาสหรัฐฯเป็นประจำทุกปี

กระนั้น รายงานชี้ว่า จีนดูไม่ได้มุ่งแสวงหาสมรรถนะชนิดที่จะสามารถโจมตีทางปรมาณูแบบไม่ได้ถูกยั่วยุก่อน ใส่คู่ปรปักษ์ที่เป็นชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ด้วยกัน หากแต่กำลังหาทางป้องปรามไม่ให้ตนเองถูกโจมตีเช่นนั้น โดยการธำรงรักษาไว้ซึ่งคำขู่ที่น่าเชื่อถือว่าตนเองสามารถดำเนินการตอบโต้ทางนิวเคลียร์

อย่างไรก็ดี ปักกิ่งได้ออกมาปฏิเสธทันควันในวันพฤหัสบดี (4) ว่า รายงานฉบับดังกล่าวของเพนตากอน มีจุดมุ่งหมายที่จะ “กระพือการพูดจาเกี่ยวกับภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ของจีนให้เกินเลยความเป็นจริง”

“รายงานที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯนี้ ก็เหมือนกับรายงานต่างๆ ทำนองเดียวกันก่อนหน้านี้ นั่นคือละเลยข้อเท็จจริง และเต็มไปด้วยอคติ” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน หวัง เหวินปิน กล่าว

เมื่อ 1 ปีก่อน รายงานของเพนตากอน ระบุว่าจีนมีหัวรบนิวเคลียร์ราวๆ 200 ลูก และจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในปี 2030

อย่างไรก็ตาม ระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกนักวิจัยอิสระได้เผยแพร่ภาพถ่ายทางดาวเทียม ระบุว่าเป็นโรงเก็บขีปนาวุธนิวเคลียร์แห่งใหม่ทางภาคตะวันตกของจีน

พัฒนาการเหล่านี้บังเกิดขึ้นขะที่จีนขยายและยกระดับกำลังทหารของตน, แสวงหาสมรรถนะในการสำแดงอำนาจในระดับโลก พอๆ กับที่สหรัฐฯได้กระทำในตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา

ความเป็นปรปักษ์กันระหว่างสองประเทศได้เพิ่มทวีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯกับจีนจะเกิดการปะกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องมาจากไต้หวัน ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากวอชิงตัน แต่ปักกิ่งประกาศยืนยันว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน ที่จะต้องยึดเอาคืนมาให้ได้ในวันหนึ่ง โดยหากจำเป็นก็จะใช้กำลัง

ในรายงานล่าสุดนี้ เพนตากอนระบุว่า การปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัยอย่างรวดเร็วของจีน มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ภายในปี 2027 ตนเองมีสมรรถนะที่จะเอาชนะการตีโต้กลับใดๆ เมื่อจีนดำเนินการในการนำไต้หวันกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของแดนมังกร ไม่ว่าด้วยการใช้แรงกดดันหรือใช้กำลังทหารก็ตามที

ขณะเดียวกัน รายงานระบุอีกว่า ภายในปี 2027 จีนตั้งจุดมุ่งหมายที่จะมี “สมรรถนะการตอบโต้กองทัพสหรัฐฯในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และบังคับให้คณะผู้นำของไต้หวันเข้าสู่โต๊ะเจรจาภายใต้เงื่อนไขของปักกิ่ง"

(ที่มา: เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น