วอชิงตันเรียกร้องโสมแดงหยุดทดสอบอาวุธ ย้ำพร้อมเจรจาทุกที่ทุกเวลาโดยไม่มีเงื่อนไข

เอพี - นักการทูตอาวุโสของอเมริกาเรียกร้องเกาหลีเหนือระงับการทดสอบขีปนาวุธเพิ่ม และกลับสู่แนวทางการทูตร่วมกับนานาชาติ ยันวอชิงตันพร้อมฟื้นการเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่มีนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเปียงยาง

ซอง คิม เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกิจการเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ กล่าวเรื่องนี้ในวันอาทิตย์ (24 ต.ค.) ภายหลังพบกับเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เพื่อหารือเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธของเปียงยางเมื่อเร็วๆ นี้ที่เกิดขึ้นขณะที่การเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างวอชิงตันกับโสมแดงชะงักงันมานานหลายปี

คิมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติกิจกรรมยั่วยุเหล่านี้และกิจกรรมอื่นๆ ที่บ่อนทำลายเสถียรภาพ และหันมาฟื้นการเจรจาแทน

ผู้แทนของสหรัฐฯ สำทับว่า อเมริกาพร้อมพบกับเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไขล่วงหน้า และได้ประกาศชัดเจนมาตลอดว่า ไม่มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์กับเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่แล้ว (19 ต.ค.) เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธทิ้งตัวที่พัฒนาใหม่ล่าสุดจากเรือดำน้ำ ซึ่งถือเป็นการทดสอบครั้งที่ 5 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่า ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำดังกล่าวดูเหมือนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการพัฒนา

อย่างไรก็ตาม นั่นถือเป็นการทดสอบขีปนาวุธที่ยิงจากใต้น้ำครั้งแรกของเกาหลีเหนือนับจากเดือนตุลาคม 2019 และเป็นการทดสอบครั้งสำคัญที่สุดนับจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

ขีปนาวุธที่ยิงจากเรือดำน้ำยากต่อการตรวจจับล่วงหน้า และเปิดโอกาสให้เปียงยางมีศักยภาพในการตอบโต้กลับ หากถูกข้าศึกโจมตี

การทดสอบเมื่อวันอังคารยังเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ห้ามเกาหลีเหนือทำกิจกรรมเกี่ยวกับขีปนาวุธทิ้งตัว

คิมเสริมว่า การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือคุกคามนานาชาติ อีกทั้งยังน่ากังวลและขัดขวางความพยายามในการส่งเสริมสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี

โนห์ คยู-ดุ๊ก นักการทูตอาวุโสของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ได้หารือเชิงลึกกับคิมเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของโซลในการประกาศยุติสงครามเกาหลีปี 1950-1953 อย่างเป็นทางการเพื่อนำมาสันติภาพมาสู่คาบสมุทรเกาหลี

โนห์เสริมว่า เขาและคิมยืนยันว่า สามารถหารือเกี่ยวกับข้อกังวลของเกาหลีเหนือได้ทันทีที่ฟื้นการเจรจา

การเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของเปียงยางที่วอชิงตันเป็นแกนนำหยุดชะงักเป็นส่วนใหญ่นับจากต้นปี 2019 เมื่อการประชุมสุดยอดระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ล่มเนื่องจากข้อพิพาทเกี่ยวกับมาตรการแซงก์ชันของอเมริกาต่อเกาหลีเหนือ

คณะรัฐบาลของไบเดน ย้ำมาตลอดว่า พร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือทุกที่ทุกเวลาโดยปราศจากการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า ทว่า เปียงยางยืนกรานว่า จะกลับสู่โต๊ะเจรจาหลังจากอเมริกายกเลิกนโยบายอันเป็นปฏิปักษ์ต่อตนก่อน ซึ่งหมายถึงการแซงก์ชันและการร่วมซ้อมรบกับเกาหลีใต้ที่จัดขึ้นเป็นประจำ

ก่อนการทดสอบขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ โสมแดงทดสอบระบบอาวุธใหม่อื่นๆ หลายครั้งในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธร่อนระยะไกลและขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกความเร็วเหนือเสียง 5 เท่าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา

อาวุธเหล่านั้นอาจทำให้พันธมิตรของอเมริกาคือ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังบอกว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เกาหลีเหนืออาจทดสอบขีปนาวุธที่ไปไกลถึงอเมริกา เพื่อเพิ่มความกดดันต่อวอชิงตัน