เกาหลีเหนือประกาศยืนยันในวันพุธ (20 ต.ค.) ถึงความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธร่อนที่ปล่อยจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม) ชนิดใหม่ โดยสื่อของทางการอวดอ้างว่า มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนวิถีโจรเพื่อทำให้ติดตามและสกัดยากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างชาติระบุว่า ขีปนาวุธที่โสมแดงทดสอบล่าสุดนี้มีขนาดเล็กลงซึ่งอาจทำให้ติดตั้ง/ดัดแปลงบนเรือดำน้ำที่มีอยู่ง่ายขึ้น กระนั้น การมีเรือดำน้ำเพียงลำเดียวที่ยิงขีปนาวุธได้ลูกหรือสองลูก ยังไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก
การทดสอบล่าสุดของโสมแดงซึ่งมีขึ้นเมื่อวันอังคาร (19) โดยยิงจากชายฝั่งด้านตะวันออกไปตกในทะเล เกิดขึ้นขณะที่สองเกาหลีต่างเร่งพัฒนาเทคโนโลยีที่อาจกลายเป็นการแข่งขันสะสมอาวุธบนคาบสมุทรเกาหลี แต่เวลาเดียวกันนั้นการเจรจาระหว่างวอชิงตันกับเปียงยางกลับอยู่ในภาวะหยุดนิ่งมาแรมปี
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการโสมแดงอวดอ้างเมื่อวันพุธ (20) ว่า ขีปนาวุธใหม่ที่เพิ่งทดสอบนี้ ใช้เทคโนโลยีนำวิถีขั้นสูงหลายแขนง กระนั้นก็เป็นการยิงจากเรือดำน้ำลำเดียวกับที่เกาหลีเหนือใช้ทดลองอาวุธประเภทเอสแอลบีเอ็มครั้งแรกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญตะวันตกมองว่า บ่งชี้ให้เห็นว่าศักยภาพการปล่อยขีปนาวุธร่อนจากเรือดำน้ำของโสมแดงอาจมีความคืบหน้าเพียงจำกัดเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ภาพซึ่งเคซีเอ็นเอนำออกเผยแพร่ในวันพุธนั้น เผยให้เห็นขีปนาวุธที่มีขนาดเล็กและเพรียวลงกว่าเอสแอลบีเอ็มรุ่นก่อนๆ ของเกาหลีเหนือ และอาจเป็นรุ่นล่าสุดที่นำออกโชว์ในนิทรรศการกลาโหมในเปียงยางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โจเซฟ เดมป์ซีย์ นักวิจัยด้านกลาโหมของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อยุทธศาสตร์ศึกษา ทวิตว่า เอสแอลบีเอ็มที่มีขนาดเล็กลงอาจทำให้จัดเก็บบนเรือดำน้ำลำเดียวได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งติดตั้ง/ดัดแปลงบนเรือดำน้ำที่มีอยู่ได้ง่ายขึ้น
กระนั้น เดฟ ชเมอร์เลอร์ ผู้ช่วยนักวิจัยอาวุโสของศูนย์เจมส์ มาร์ตินเพื่อการศึกษาด้านการงดการแพร่กระจายอาวุธ ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ถึงแม้พัฒนาการล่าสุดนี้น่าสนใจ เพราะบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังพยายามเพิ่มทางเลือกให้ตนเองสามารถปล่อยขีปนาวุธจากเรือดำน้ำได้ด้วย ทว่า การมีเรือดำน้ำเพียงลำเดียวที่ยิงขีปนาวุธได้ลูกหรือสองลูกไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ
คิม ดงยุป อดีตนายทหารเรือเกาหลีใต้ที่ปัจจุบันสอนอยู่ที่มหาวิทยาลังกังนัม ในกรุงโซล ชี้ว่า ขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาจเป็นรุ่นที่ต่อยอดมาจาก เคเอ็น-23 ซึ่งเป็นขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ที่ทดสอบครั้งแรกในปี 2019 โดยพิจารณาจากพิสัย รูปลักษณ์ที่คล้ายคลึง และเทคโนโลยีนำวิถีที่เปียงยางเปิดเผย
ด้านเคซีเอ็นเอแจงว่า เอสแอลบีเอ็มล่าสุดมีความสามารถขั้นสูงมากมาย ซึ่งรวมถึงคุณสมบัติในการเปลี่ยนวิถีของขีปนาวุธเพื่อทำให้ติดตามและสกัดยากขึ้น
ช่วงหลายปีมานี้เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้หลายครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า ออกแบบมาเพื่อหลบหลีกระบบป้องกันขีปนาวุธในเกาหลีใต้
ด้านเกาหลีใต้นั้น เมื่อเดือนที่แล้วได้ทดสอบเอสแอลบีเอ็มรุ่นแรก และทำให้ประเทศก้าวขึ้นไปอยู่ในกลุ่มชาติผู้นำของโลกไม่กี่ประเทศ ที่ครอบครองเทคโนโลยีเอสแอลบีเอ็มที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว รวมทั้งยังเผยโฉมขีปนาวุธร่อนซูเปอร์โซนิก ที่มีความเร็วเหนือเสียง
ขณะเดียวกัน การทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือทำให้ทั้งอเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นออกมาประณาม
สหรัฐฯนั้นเรียกร้องทันควันให้เกาหลีเหนือ “หยุดพฤติกรรมยั่วยุ” โดย เจน ซากี โฆษกหญิงของทำเนียบขาว ระบุวันอังคาร (19) ว่า อเมริกายังพร้อมที่จะเปิดเจรจาทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหานิวเคลียร์และขีปนาวุธเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาทางฝั่งเปียงยางมีท่าทีเพิกเฉยในเรื่องนี้ แถมยังตำหนิสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ว่ามาขอเจรจา แต่กลับไม่หยุดกิจกรรมทางทหารที่กระพือความตึงเครียด
แหล่งข่าวด้านการทูตระบุว่า สหรัฐฯ และอังกฤษเตรียมนำเรื่องการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเข้าสู่ที่ประชุมแบบปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)