“ไบเดน” เผยคุยกับ “สี” แล้ว ภายหลังสถานการณ์เรื่อง “ไต้หวัน” ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ โดยบอกว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันจะยึดตามข้อตกลงเกี่ยวกับไต้หวันซึ่งประเทศทั้งสองได้ทำกันไว้ต่อไป ขณะเดียวกัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว นัดหมายหารือในวันพุธ (6 ต.ค.) กับนักการทูตระดับท็อปของจีน เพื่อยกระดับการติดต่อสื่อสารและปรับความสัมพันธ์ที่ร้าวลึกกันอย่างจริงจังตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (5) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และตกลงกันว่า จะปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับไต้หวันต่อไป ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ตีความว่า ผู้นำสหรัฐฯ น่าจะหมายถึง “นโยบายจีนเดียว” อันเป็นการที่อเมริกาประกาศยอมรับปักกิ่งอย่างเป็นทางการ ขณะยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทเป นอกจากนั้น ไบเดนยังน่าจะหมายรวมถึงกฎหมาย “รัฐบัญญัติความสัมพันธ์กับไต้หวัน” ของสหรัฐฯ ที่ระบุชัดเจนว่า การตัดสินใจสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทนที่จะเป็นไต้หวัน เป็นไปตามความคาดหวังที่ว่าอนาคตของไต้หวันจะถูกกำหนดด้วยแนวทางสันติวิธี
ทั้งนี้ ปักกิ่งหรือสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้นถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน ซึ่งจะต้องกลับมารวมกับแผ่นดินใหญ่ และจะใช้กำลังเข้ายึดถ้าจำเป็น ขณะที่ไต้หวันซึ่งแต่เดิมเคยอ้างตนเป็นตัวแทนของประเทศจีนแต่ผู้เดียวเหมือนกัน แต่มีนานาชาติรับรองลดน้อยลงเรื่อยๆ จนเหลือหยิบมือเดียว ในช่วงหลังๆ แม้ยังคงใช้ชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า “สาธารณรัฐจีน” ทว่า พยายามวางตัวว่ามีการปกครองของตนเองอย่างเป็นอิสระ รวมทั้งจะปกป้องเสรีภาพและระบอบประชาธิปไตยของตนเอง พร้อมกล่าวหาจีนข่มขู่คุกคามทำให้สถานการณ์ตึงเครียด
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไทเปรายงานว่า นับจากวันศุกร์ (1) ที่เป็นวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น เครื่องบินรบของจีนได้บินล้ำเขตแสดงตนทางอากาศของไต้หวันทุกวันๆ ละหลายสิบลำ รวมแล้วในช่วง 4 วันที่ผ่านมามีจำนวนถึง 148 ลำ
รอยเตอร์ยังบอกอีกว่า ไบเดนยังน่าจะพาดพิงถึงการหารือทางโทรศัพท์กับสีนาน 90 นาทีเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการเอ่ยถึงความจำเป็นในการรับประกันว่า การแข่งขันระหว่างสองชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกจะไม่ลุกลามเป็นความขัดแย้ง
ในวันจันทร์ (4) ทำเนียบขาวยังแถลงว่า เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ มีกำหนดพบหารือกับ หยาง เจียฉือ สมาชิกกรมการเมืองและผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ด้านการทูตอาวุโสที่สุดของจีนในเวลานี้ ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันพุธ (6) เพื่อสานต่อความพยายามในการร่วมกันจัดการการแข่งขันระหว่างอเมริกาและจีนอย่างมีความรับผิดชอบตามที่เคยตกลงกัน
การพบกันครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกนับจากเมื่อเดือนมีนาคมที่รัฐอะแลสกา ซึ่งซุลลิแวน รวมถึงแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบโต้กับหยาง และหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน อย่างเผ็ดร้อน ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตกต่ำสุดขีดในรอบหลายทศวรรษระหว่างสองมหาอำนาจ ซึ่งจนขณะนี้ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น
สำหรับฝ่ายปักกิ่ง กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธว่า หยาง และซุลลิแวนจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์สองประเทศและประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างการพบกันที่ซูริก
ด้านหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ของฮ่องกงรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ที่รับรู้เกี่ยวกับการจัดการประชุมที่ซูริกว่า เป้าหมายของการพบกันคือ การฟื้นช่องทางการสื่อสารและการดำเนินการในประเด็นที่ตกลงกันไว้ระหว่างสีและไบเดน
ในอีกด้านหนึ่ง วันจันทร์ที่ผ่านมา (4) แคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมประชุมกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ที่ปารีส ได้เปิดเผยผลการทบทวนนโยบายการค้ากับจีนอย่างละเอียด และยืนยันว่า เร็วๆ นี้จะจัดการเจรจาเรื่องที่ปักกิ่งล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีนเฟสหนึ่ง และยุตินโยบายอุตสาหกรรมที่อันตรายต่อชาติอื่น ตามที่ตกลงไว้ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ด้านหนังสือพิมพ์โกลบัลไทมส์ ของทางการจีน รายงานว่า ปักกิ่งยินดีสร้างการค้าที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย แต่จะไม่ยอมอ่อนข้อในหลักการและไม่กลัวการแข่งขันยืดเยื้อยาวนาน พร้อมบอกด้วยว่า สงครามการค้าจีน-อเมริกาที่ยืดเยื้อมากว่า 3 ปีครึ่งแทนที่จะทำให้ปักกิ่งง่อยเปลี้ย แต่กลับกลายเป็นว่า เศรษฐกิจจีนแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจอเมริกา
นับจากไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม การหารือระหว่างเจ้าหน้าที่จีน-อเมริกามีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมน้อยมาก เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่า การพูดคุยระหว่างไบเดนกับจีนตอนต้นเดือนกันยายน ถือเป็นบททดสอบว่า การเกี่ยวข้องกันโดยตรงในระดับสูงสุดจะทำให้ความบาดหมางยุติลงหรือไม่
ทว่า หลังการพูดคุยดังกล่าว ไบเดนปฏิเสธข่าวที่ว่า สีบอกปัดคำเชิญของตนในการนัดพบกันแบบเจอกันตัวเป็นๆ แต่นับจากนั้นวอชิงตันได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อกระชับความร่วมมือกับพวกพันธมิตรในการต่อต้านปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงการประกาศตั้งกลุ่มพันธมิตรความมั่นคงกับออสเตรเลียและอังกฤษในชื่อ “ออคัส” ที่มีการตกลงจัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ให้แคนเบอร์รา
คณะบริหารของไบเดนยังผลักดันแผนการใช้งบประมาณขนาดใหญ่เพื่อฟื้นโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมภายในประเทศ ส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันกับจีน
อีแวน เมเดรอส ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา มองว่า การประชุมที่ซูริกไม่ได้เป็นการปรับความสัมพันธ์ แต่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันอย่างเป็นระบบและจริงจังมากขึ้น ซึ่งหมายถึงการแสดงความชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขต ความคิดเห็นของอเมริกาต่อพฤติกรรมของจีน รวมไปถึงการระดมส่งเครื่องบินรบรุกล้ำน่านฟ้าไต้หวันล่าสุด
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเจนซีส์)