ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน ป่าวร้องในวันอังคาร (5 ต.ค.) เตือน “หายนะมาเยือนทั้งภูมิภาค” ถ้าไต้หวันตกเป็นของจีน ประกาศทำทุกทางเพื่อป้องกันการคุกคามจากแดนมังกร ด้านวอชิงตันเรียกร้องปักกิ่งให้ยุติการยั่วยุด้วยการส่งเครื่องบินรบหลายสิบลำบินเฉียดไต้หวันต่อเนื่องกันหลายวัน ปรากฏว่าถูกจีนสวนกลับว่า การที่สหรัฐฯขายอาวุธให้ไทเปและส่งเรือเข้าไปในช่องแคบไต้หวันต่างหาก คือการกระทำยั่วยุและบ่อนทำลายความสัมพันธ์จีน-อเมริกา
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนประกาศว่า การนำเอาไต้หวันกลับมารวมกับจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นสิ่งที่ “หลีกเลี่ยงไม่ได้” และได้เพิ่มแรงกดดันทั้งทางทหาร การทูต และเศรษฐกิจต่อไทเป นับจากไช่ ซึ่งมีจุดยืนชัดเจนว่า ไต้หวันเป็นอิสระและไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจีน ชนะเลือกตั้งขึ้นเป็นผู้นำไต้หวันในปี 2016
ตั้งแต่วันศุกร์ (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันชาติของจีน ปักกิ่งส่งเครื่องบินรบวันละหลายสิบวันต่อเนื่องกันทุกวัน รวมแล้วเกือบๆ 150 ลำ เข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (เอดีไอแซด) ของไต้หวัน
ขณะที่เมื่อวันอังคาร (5) ไช่ อิงเหวินกล่าวในบทความซึ่งเผยแพร่ทางวารสารฟอเรนจ์ แอฟแฟร์ ของอเมริกา โดยเตือนว่า ความล้มเหลวในการปกป้องไต้หวันจะถือเป็น “หายนะ” สำหรับทั้งไต้หวันเอง รวมถึงสันติภาพและระบบพันธมิตรประชาธิปไตยในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการส่งสัญญาณว่า ลัทธิเผด็จการมีอำนาจเหนือประชาธิปไตยในการแข่งขันด้านค่านิยมทั่วโลก
ประธานาธิบดีหญิงของไต้หวันผู้นี้เสริมว่า ไต้หวันหวังที่จะอยู่ร่วมกับจีนอย่างสันติ แต่ถ้าประชาธิปไตยและวิถีชีวิตถูกคุกคาม ไต้หวันจะทำทุกทางเพื่อป้องกันตนเอง
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ (4) รัฐบาลไต้หวันเรียกร้องให้จีนยุติ “การกระทำที่ยั่วยุอย่างไร้ความรับผิดชอบ” หลังจากจีนส่งเครื่องบินรบเข้าสู่เขตเอดีไอแซดของไต้หวันในวันนั้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 56 ลำ ในจำนวนนี้มีเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีศักยภาพบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์รวมอยู่ด้วย
ไช่สำทับว่า ท่ามกลางการรุกล้ำของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) แทบไม่เว้นแต่ละวัน จุดยืนของไต้หวันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบยังคงเดิมคือ ไต้หวันจะไม่ก้มหัวให้ความกดดันใดๆ
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา เครื่องบินจีนบินเข้าเขตป้องกันตนเองของไต้หวันสูงสุดเป็นสถิติใหม่คือ 380 ลำ แต่ปรากฏว่าในปีนี้ตัวเลขนับจนถึงต้นเดือนตุลาคมก็เกิน 600 ลำแล้ว
ด้านนายกรัฐมนตรีซู เจิงชาง ของไต้หวัน ประกาศในวันอังคาร (5) ว่า ไต้หวันต้องเตรียมพร้อม เสริมสร้างตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นและสามัคคีกัน ขณะที่จีนดำเนินการที่เกินขอบเขตมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การที่ปักกิ่งส่งเครื่องบินรบเข้าเขตซึ่งไทเปประกาศเป็นเขตจำกัดเช่นนี้ รวมทั้งการดำเนินการทางทหารอื่นๆ อยู่ในลักษณะเป็นการทำสงครามในพื้นที่สีเทา หรือการดำเนินการทางทหารโดยยังไม่ถึงกับเป็นการสู้รบโดยตรง กระนั้น หลายคนไม่เชื่อว่า การแสดงแสนยานุภาพและวาทะแข็งกร้าวซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งเหล่านี้จะนำไปสู่สงครามจริง
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่า การบุกเข้าเขตจำกัดของไต้หวันระลอกล่าสุดนี้ มีลักษณะแบ่งเป็นกลุ่มๆ และมีการบินเข้าไปทั้งช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน
เฉินอี้ ตู้ นักวิจัยของสถาบันเพื่อการป้องกันแห่งชาติและการวิจัยด้านความมั่นคงในไต้หวัน ชี้ว่า การบินช่วงกลางคืนนั้นเป็นเรื่องมีความท้าทายมากกว่า เนื่องจากทัศนวิสัยที่มืดมิด และดังนั้นจึงสะท้อนถึงความมั่นใจของกองทัพจีน
ด้าน โจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ให้สัมภาษณ์บริษัทแพร่ภาพและกระจายเสียงของทางการออสเตรเลีย (เอบีซี) เมื่อวันจันทร์ว่า ไทเปกังวลมากว่าจีนกำลังจะเปิดสงคราม ณ จุดใดจุดหนึ่ง แม้ภัยคุกคามนี้ยังไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้นในขณะนี้ก็ตาม
ในวันจันทร์เช่นกัน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวก็แถลงว่า อเมริกากังวลกับกิจกรรมการทหารที่ยั่วยุของจีนที่เกิดขึ้นใกล้ไต้หวัน ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพและสันติภาพของภูมิภาค รวมทั้งยังเสี่ยงที่จะเกิดการคาดคำนวณผิดพลาด และเรียกร้องให้ปักกิ่งยุติการกดดันทางทหาร การทูต เศรษฐกิจ และการข่มขู่ไต้หวัน
ทว่า วันเดียวกันนั้น กระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงตอบโต้ว่า การที่อเมริกาขายอาวุธให้ไต้หวัน และส่งเรือเข้าไปในช่องแคบไต้หวันต่างหากเป็นการกระทำยั่วยุที่บ่อนทำลายความสัมพันธ์จีน-อเมริกา
หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนสำทับว่า ปักกิ่งจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อต่อต้านและบดขยี้แผนการประกาศเอกราชของไทเป
(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)