อเมริกาและพันธมิตรเรียกร้องให้พลเมืองของตนรวมทั้งชาวอัฟกันออกจากสนามบินคาบูล เนื่องจากมีความเสี่ยงตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย “ไอเอส” ขณะที่กองทหารฝ่ายตะวันตกต้องรีบเร่งอพยพคนให้ได้มากที่สุดก่อนเส้นตายสิ้นเดือนนี้ โดยที่ฝรั่งเศสประกาศยุติภารกิจอพยพตั้งแต่วันพฤหัสฯ (26 ส.ค.) แล้ว และคาดว่า เนเธอร์แลนด์อาจตัดสินใจแบบเดียวกัน ด้านผู้นำจีน-รัสเซียหารือกันทางโทรศัพท์ สนับสนุนการไม่แทรกแซง และเคารพในเอกราชอธิปไตยของอัฟกานิสถาน ป้องกันพวกพลังต่างชาติไม่ให้เข้าแทรกแซงและทำลายอัฟกานิสถาน
ความกดดันเพื่อบรรลุภารกิจอพยพชาวต่างชาติและชาวอัฟกันหลายหมื่นคนที่เคยช่วยตะวันตกระหว่างสงคราม 20 ปีกับตอลิบาน กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กองทหารอเมริกันและพันธมิตรมีกำหนดต้องถอนออกจากสนามบินคาบูลและอัฟกานิสถานภายในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งก็คือวันอังคารหน้า
ตอนค่ำวันพุธ (25) สถานเอกอัครราชทูตอเมริกันในคาบูลออกคำแนะนำพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสนามบิน ส่วนคนที่อยู่ที่ประตูสนามบินแล้วควรรีบออกมาทันที เนื่องจากมีภัยคุกคามด้านความมั่นคง ซึ่งสถานทูตไม่ได้ระบุว่าคืออะไร
ด้านอังกฤษออกคำแนะนำพลเมืองของตนให้ออกจากสนามบินคาบูลเช่นเดียวกัน เจมส์ เฮปปีย์ รัฐมนตรีทบวงกองทัพบก ระบุว่า ข่าวกรองที่ว่ามีความเป็นไปได้ที่นักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อาจโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ออสเตรเลียออกตำเตือนเดียวกันนี้ ขณะที่เบลเยียมยุติปฏิบัติการอพยพเนื่องจากความเสี่ยงจากการถูกโจมตี สำหรับรัฐบาลเนเธอร์แลนด์คาดว่า เที่ยวบินอพยพในวันพฤหัสฯ อาจเป็นเที่ยวสุดท้าย แม้ว่ายังเหลือผู้ที่มีสิทธิเดินทางไปแดนกังหันลมอยู่อีกก็ตาม
ฝรั่งเศสประกาศยุติปฏิบัติการอพยพตั้งแต่วันพฤหัสฯ เช่นเดียวกัน
นักการทูตตะวันตกผู้หนึ่งที่อยู่ในคาบูลเผยว่า ด้านนอกประตูเข้าสนามบินยังมีฝูงชนแออัดยัดเยียดเหลือเชื่อแม้มีคำเตือนเกี่ยวกับการโจมตีของไอเอสก็ตาม
ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอลิบานเผยว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยของพวกตนที่ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยสนามบินต้องเสี่ยงชีวิตจากไอเอสเช่นเดียวกัน เนื่องจากตอลิบานกับไอเอสเป็นศัตรูกัน
คำเตือนเหล่านี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์สับสนอลหม่านที่สนามบินคาบูลและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งกองทหารต่างชาติได้รีบเร่งอพยพพลเมืองของตนและครอบครัว รวมถึงชาวอัฟกันที่ช่วยเหลือพวกตน ออกจากอัฟกานิสถานมาตั้งแต่วันที่ 15 ที่ผ่านมาที่ตอลิบานเข้ายึดคาบูลอย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ มีชาวอัฟกันเป็นหมื่นๆ คน พยายามเข้าไปในสนามบินด้วยเหตุผลว่าเพื่อหลบหนีจากการปกครองอันกดขี่โหดเหี้ยมของตอลิบาน ขณะที่ชาติตะวันตกทั้งหลายเน้นที่จะอพยพพลเมือง ตลอดจนครอบครัวชาวอัฟกันซึ่งทำงานกับพวกตน แต่ในสภาพที่แออัดและชุลมุนวุ่นวาย ทำให้ผู้คนจำนวนมากซึ่งชาติตะวันตกต้องการรับไป กลับไม่สามารถเข้าถึงสนามบิน
ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขแน่นอนว่า มีคนที่มีสิทธิเดินทางออกนอกอัฟกานิสถานกี่คน แต่เจ้าหน้าที่ตะวันตกคนหนึ่งประเมินว่า มีผู้ถือหนังสือเดินทางและวีซ่าสหรัฐฯ ที่พยายามเดินทางไปให้ถึงสนามบินราว 1,500 คน
ที่กรุงวอชิงตัน ทำเนียบขาวเผยว่า เมื่อวันพุธประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับการบรรยายสรุปเกี่ยวกับภัยคุกคามจากไอเอส รวมถึงแผนอพยพฉุกเฉิน
ทั้งนี้ นับจากตอลิบานเข้ายึดคาบูล อเมริกาและพันธมิตรได้ดำเนินภารกิจอพยพทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยพาคนออกมาได้แล้วกว่า 88,000 คน และกองทัพสหรัฐฯ เผยว่า มีเครื่องบินขึ้นจากสนามบินคาบูลทุก 39 นาที
กองทัพสหรัฐฯ ยังระบุว่า อาจต้องปรับแผน เนื่องจากช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนเส้นตายสิ้นเดือนนี้ จำเป็นต้องเน้นการอพยพทหารอเมริกันหลายพันคนที่ถูกส่งเข้ามาดูแลรักษาสนามบิน
ตอลิบานยังคงยืนกรานให้กองกำลังต่างชาติถอนออกไปภายในสิ้นเดือนนี้ และให้สัญญาว่าชาวอัฟกันที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศ จะสามารถเดินทางออกไปได้หลังจากเที่ยวบินพาณิชย์กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งภายหลังกองทหารต่างชาติออกไปหมดแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์เดลี่) สื่อที่เป็นปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานวันพุธว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย โดยที่ สี ย้ำจุดยืนของจีนในเรื่องการไม่เข้าแทรกแซงและเคารพในอธิปไตยและเอกราชของอัฟกานิสถาน
รายงานระบว่า ปูติน บอกกับ สี ว่า เขาเห็นพ้องกับจุดยืนและผลประโยชน์ของต่างๆ ของจีนในอัฟกานิสถาน และเขายินดีทำงานกับจีนเพื่อ “ป้องกันพวกพลังต่างชาติไม่ให้เข้าแทรกแซงและทำลาย” อัฟกานิสถาน
ทางด้าน สี ยังรบเร้าทุกๆ ฝ่ายในอัฟกานิสถานให้สร้างกรอบโครงทางการเมืองแบบเปิดกว้างและมีฝ่ายต่างๆ เข้าร่วม รวมทั้งปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ ที่เป็นแบบพอประมาณและมีเสถียรภาพ ตลอดจนตัดสายสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ทั้งหมด
ขณะที่ ปูติน บอกว่าจะทำงานร่วมกับจีนในการต่อสู้การก่อการร้ายและการลักลอบค้ายาเสพติด และป้องกันไม่ให้ความเสี่ยงต่างๆ ในด้านความมั่นคง “แผ่ลามออกไป” จากอัฟกานิสถาน
ในส่วนของวังเครมลิน เปิดเผยการพูดคุยระหว่าง ปูติน กับ สี ครั้งนี้ โดยเน้นว่า ทั้งคู่เห็นพ้องร่วมมือกันต่อต้านภัยคุกคามจากการก่อการร้ายและการลักลอบค้ายาเสพติดที่อาจเกิดขึ้นหลังจากตอลิบานเข้าปกครองอัฟกานิสถาน
ปูตินและสียังกล่าวถึงความสำคัญในการสร้างสันติภาพในอัฟกานิสถานและป้องกันไม่ให้ความไร้เสถียรภาพลุกลามสู่ประเทศใกล้เคียง
ประมุขเครมลินยังวิจารณ์มหาอำนาจที่เข้าไปก้าวก่ายกิจการภายในของอัฟกานิสถาน และสำทับว่า มอสโกมีบทเรียนจากการบุกประเทศนี้ที่ยาวนานนับทศวรรษในสมัยสหภาพโซเวียต
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)