“ไบเดน” ยืนยันยุติการอพยพผู้คนออกจากอัฟกานิสถานตามกำหนดสิ้นเดือนนี้ ระบุหวั่นทหารอเมริกันตกเป็นเป้าหมายการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย ขณะเจ้าหน้าที่เผยเวลานี้มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มไอเอส อาจเข้าไปก่อเหตุในสนามบินคาบูล
ถึงแม้สหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตกระบุว่า ได้มีการอพยพคนออกไปแล้วกว่า 70,000 คน แต่ฝูงชนจำนวนมากยังออกันอยู่ด้านนอกของสนามบินคาบูล ด้วยความหวังจะได้เที่ยวบินเดินทางออกไปต่างประเทศ โดยระบุว่าเพื่อหลบหนีจากการแก้แค้นและการกดขี่ข่มเหงของตอลิบานที่เวลานี้กำลังเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
วันอังคาร (24) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า อเมริกาจะปฏิบัติตามเส้นตายในการถอนทหารจากอัฟกานิสถานให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 เดือนนี้ แม้พวกพันธมิตรยุโรปเตือนว่า ไม่สามารถพาชาวอัฟกันที่เสี่ยงถูกตอลิบานตอบโต้หรือทำร้าย เช่น ชาวอัฟกันที่ทำงานช่วยเหลือพวกตนมายาวนาน ออกไปได้หมดทันกำหนดนี้ก็ตาม
ไบเดนเสริมว่า ต้องการให้อพยพและถอนกำลังออกมาโดยเร็ว เพราะแม้ตอลิบานดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพื่อช่วยเหลือในภารกิจนี้ ทว่า แต่ละวันทหารอเมริกันต้องเสี่ยงมากขึ้นจากการโจมตีของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า ได้ขอให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อปรับตารางเวลาหากจำเป็น
เจ้าหน้าที่อเมริกัน 2 คนเผยว่า ขณะนี้มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงจากมือระเบิดฆ่าตัวตายของไอเอสที่อาจเข้าไปก่อเหตุในสนามบินคาบูล
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยังรายงานเมื่อวันอังคารว่า วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) แอบบินไปคาบูลเพื่อหารือกับอับดุล กานี บาราดาร์ ผู้นำระดับสูงของตอลิบาน แต่สิ่งที่พูดจากันเป็นเรื่องเกี่ยวกับปฏิบัติการอพยพโดยภาพรวมและเรื่องการคุกคามของการก่อการร้าย ไม่ใช่เพื่อเจรจาขอขยายเวลาการถอนทหารอเมริกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ ครั้งนี้ถือเป็นการพบปะหารือระดับเจ้าหน้าที่สูงสุด ระหว่างอเมริกาในยุคไบเดนกับคณะผู้ปกครองใหม่ของอัฟกานิสถาน
ไบเดนยังกล่าวถึงการประชุมแบบเสมือนจริงของกลุ่มผู้นำจี 7 เมื่อวันอังคาร โดยบอกว่า ที่ประชุมเห็นพ้องให้คงการร่วมมืออย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่ออพยพคนออกจากอัฟกานิสถานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ชาวอัฟกันจำนวนมากแสดงความหวาดกลัวที่จะต้องตกอยู่ภายใต้ระบอบปกครองโหดเหี้ยมทารุณเหมือนเมื่อครั้งตอลิบานปกครองประเทศเป็นเวลานาน 5 ปีก่อนถูกโค่นอำนาจในปี 2001 โดยเฉพาะพวกที่เคยทำงานให้ตะวันตกและรัฐบาลชุดที่แล้วที่อเมริกาให้การสนับสนุน
ขณะนี้วอชิงตันและพันธมิตรรีบเร่งอพยพโดยสามารถพาชาวอัฟกันออกจากประเทศได้วันละนับพันคน กระนั้น ภารกิจนี้ก็มีความซับซ้อนและยากลำบากยิ่งขึ้นทุกที
สนามบินคาบูลยังคงอยู่ในสภาะสับสนอลหม่าน ขณะที่กองทหารต่างชาติที่นำโดยอเมริกาพยายามรักษาความปลอดภัยของสนามบินและเที่ยวบินอพยพ กระนั้นในระยะหลายๆ วันที่ผ่านมา ก็มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 8 คนจากเหตุชุลมุนในสนามบิน
ตอลิบานยังถูกกล่าวหาว่าสกัดหรือขัดขวางผู้ที่ต้องการเข้าสู่สนามบินคาบูล ถึงแม้กลุ่มก่อความไม่สงบนี้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาอีกครั้งเมื่อคืนวันอังคารก็ตาม
เวลาเดียวกัน ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตอลิบานยังแถลงย้ำว่า จะไม่มีการต่อเวลาให้กองกำลังต่างชาติอยู่ในอัฟกานิสถานหลังจากสิ้นเดือนนี้
กระนั้น ประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น ไฮโก มาส รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า แม้ต่อเวลาอีก 2-3 วันก็คงไม่เพียงพออพยพชาวอัฟกันที่มีความเสี่ยงออกมาได้ทั้งหมด
หลังจากรบชนะรัฐบาลอัฟกานิสถานอย่างรวดเร็ว ตอลิบานยินยอมให้กองทหารนานาชาติที่นำโดยอเมริกาปฏิบัติภารกิจเรื่องการอพยพคนต่อไป และหันมามุ่งเน้นการรักษาความสงบและการจัดตั้งรัฐบาล โดยดูจะพยายามสร้างระบอบปกครองที่ผ่อนคลายและเปิดกว้างมากขึ้น เสนออภัยโทษฝ่ายตรงข้าม และรับประกันสิทธิของผู้หญิง กระนั้น ชาวอัฟกันจำนวนมากยังไม่วางใจและหวาดกลัว
โฆษกตอลิบานพยายามคลี่คลายความกังวลเหล่านั้น โดยเรียกร้องให้ชาวอัฟกันที่มีทักษะและความสามารถ เช่น แพทย์และวิศวกร อยู่ช่วยพัฒนาประเทศต่อไป
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)