xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เวียดนามพบทูตจีน ย้ำนโยบายไม่เลือกข้าง ขณะรอง ปธน.มะกันตามอัด ‘ปักกิ่ง’ ข่มเหงเพื่อนบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ฝ่าม มีง จีง (ขวา)  ให้การต้อนรับก่อนหารือกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ในกรุงฮานอย วันพุธ (25 ส.ค.)
กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงของสหรัฐฯ ระบุในวันพุธ (25 ส.ค.) วอชิงตันจะหาวิธีใหม่ๆ เพิ่มแรงกดดันต่อปักกิ่งที่เธอกล่าวหาว่าข่มเหงเพื่อนบ้านในทะเลจีนใต้ ขณะที่สื่อแดนมังกรโจมตีอเมริกา ปากว่าตาขยิบ โจมตีปักกิ่งโดยที่ไม่ดูตัวเองว่า กำลังสร้างความแตกแยกและข่มขู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เลือกข้างและปิดล้อมจีน ด้านนายกฯ เวียดนามพบทูตจีนแบบไม่มีกำหนดการล่วงหน้า ยืนยันใช้นโยบายไม่เลือกอยู่ข้างใคร

ในวันพุธ (25) แฮร์ริสได้กล่าวหาจีนอีกครั้งในประเด็นทะเลจีนใต้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 วัน ในความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะอาศัยการเดินทางเยือนสิงคโปร์และเวียดนามของเธอคราวนี้มาเน้นย้ำว่า วอชิงตันยังคงมีความมุ่งมั่นผูกพันกับเอเชีย ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า อเมริกากำลังชูนโยบายโลกสวย ขณะที่อีกด้านทหารอเมริกันและพันธมิตรกำลังต้องเร่งอพยพคนออกจากอัฟกานิสถานอย่างโกลาหล ซึ่งเป็นการรื้อฟื้นภาพสลดหดหู่แบบเดียวกับเมื่อครั้งไซ่ง่อนแตกในปี 1975 ที่เฮลิคอปเตอร์ของอเมริกานำผู้อพยพหนีตายกลุ่มสุดท้ายบินขึ้นจากหลังคาสถานเอกอัครราชทูตอเมริกัน

ระหว่างเข้าพบนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนามวันพุธ (25) แฮร์ริสกล่าวว่า อเมริกาจะยังคงท้าทายการข่มเหงรังแกและการอ้างสิทธิเกินขอบเขตเหนือทะเลจีนใต้ของจีน รวมทั้งจะหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความกดดันให้ปักกิ่งปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าด้วยกฎหมายทะเล ทว่าไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯ เองจะเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้เมื่อใด

ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (24) ขณะเยือนสิงคโปร์ แฮร์ริสก็ได้กล่าวหาจีนคุกคามทะเลจีนใต้ อีกทั้งยังอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำดังกล่าวเกือบทั้งหมดโดยปราศจากเหตุผลชอบธรรม

น่านน้ำดังกล่าวเป็นชนวนพิพาทแย่งชิงกรรมสิทธิ์ระหว่างจีนกับ 4 ชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงเวียดนาม

ทางด้านจีน ไชน่าเดลี่ สื่อภาษาอังกฤษของทางการจีนเผยแพร่บทบรรณาธิการในฉบับวันพุธ ตอบโต้ว่าอเมริกานั้นมือถือสากปากถือศีล เพราะขณะที่ชี้นิ้วกล่าวหาจีนข่มขู่คุกคาม แฮร์ริสก็กำลังข่มขู่คุกคามประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ร่วมขบวนการเพื่อกดดันจีนเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ การเดินทางไปเวียดนามของแฮร์ริสเมื่อเย็นวันอังคาร มีอันต้องล่าช้าไปจากกำหนดการหลายชั่วโมง จากสิ่งที่เจ้าหน้าที่อเมริกันระบุว่าเป็น “เหตุการณ์ผิดปกติด้านสุขภาพ” ในฮานอย ซึ่งเป็นวลีที่วอชิงตันใช้พูดพาดพิงถึงอาการ “ฮาวานา ซินโดรม” ที่เกิดกับนักการทูตอเมริกันในหลายประเทศ รวมถึงในจีนและในรัสเซีย

การที่นักการทูตอเมริกันหลายรายซึ่งประจำในประเทศเหล่านี้เกิดอาการเจ็บป่วย บางรายก็อยู่ในขั้นรุนแรง ยังไม่สามารถระบุต้นเหตุที่แน่ชัดได้ แต่มีการกล่าวหาอย่างปราศจากหลักฐานยืนยันว่า นี่เป็นฝีมือรัสเซีย หรือประเทศอื่นๆ โดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถส่งสัญญาณความแรงสูงซึ่งทำให้เกิดอันตรายทางกายภาพแก่นักการทูตอเมริกัน

อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสยังคงเดินหน้าเดินทางเยือนเวียดนาม เพื่อย้ำความมุ่งมั่นผูกพันของวอชิงตันที่มีต่อเอเชียอาคเนย์ โดยที่ในวันพุธสหรัฐฯ ได้เปิดสำนักงานประจำภูมิภาคของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ขึ้นที่ฮานอย พร้อมกันนี้เธอสำทับว่า วัคซีนไฟเซอร์ 1 ล้านโดสจะส่งถึงเวียดนามภายใน 24 ชั่วโมง เพิ่มเติมจากที่อเมริกาบริจาคให้ก่อนหน้านี้ 5 ล้านโดส

แฮร์ริสถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนล่าสุดในคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เวียนกันเดินทางเยือนเอเชียเพื่อฟื้นความมั่นใจของพันธมิตรในช่วงเดือนสองเดือนนี้

กระนั้น เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานขณะนี้ยังคงสั่นคลอนเครดิตความน่าไว้วางใจของอเมริกา

ฝ่าม กวาง วิงห์ อดีตเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอเมริกา กล่าวว่า เวียดนามจับตาสถานการณ์ในอัฟกานิสถานอย่างใกล้ชิด และตั้งคำถามว่า ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้งในอัฟกานิสถาน เช่น กลุ่มก่อการร้ายฟื้นคืนชีพ อเมริกาจะยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่หรือไม่

กระนั้น แฮร์ริสพยายามคลายความกังวลของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า อเมริกาไม่ได้จะกดดันให้เลือกข้างระหว่างตนเองกับจีน

ขณะเดียวกัน ระหว่างที่แฮร์ริสเลื่อนกำหนดการเดินทางถึงฮานอย ทางด้านนายรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนามได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำฮานอยแบบไม่มีการประกาศล่วงหน้า โดยผู้นำเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามมีนโยบายต่างประเทศแบบไม่เลือกข้างฝ่ายใด ขณะที่เอกอัครราชทูตจีนแจ้งว่าปักกิ่งจะบริจาควัคซีนโควิด-19 ให้เวียดนามจำนวน 2 ล้านโดส

รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยในพิธีเปิดสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี)  ในกรุงฮานอย เมื่อวันพุธ (25 ส.ค.)
กำลังโหลดความคิดเห็น