ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เผยอิหร่านเพิ่มความเข้มข้นยูเรเนียมเป็น 60% ซึ่งนับว่าใกล้แตะ “เกรดอาวุธ” เข้าไปทุกขณะ ในความเคลื่อนไหวที่ส่อแววกระพือความตึงเครียดกับชาติมหาอำนาจตะวันตกที่หวังจะฟื้นฟูข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์กับเตหะราน
รายงาน IAEA ที่เผยแพร่วานนี้ (17 ส.ค.) ระบุว่า อิหร่านได้เสริมสมรรถนะยูเรเนียมจนเป็นวัสดุฟิสไซล์ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 60% จากเดิม 20% ในช่วงเดือน เม.ย. เพื่อตอบโต้เหตุระเบิดและปัญหาไฟฟ้าดับที่โรงงานนิวเคลียร์นาตันซ์ (Natanz) ซึ่งส่งผลให้โรงเสริมสมรรถยูเรเนียมที่อยู่ใต้ดินได้รับความเสียหาย
รัฐบาลอิหร่านโทษ “อิสราเอล” ว่าอยู่เบื้องการก่อวินาศกรรมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของตน
ทั้งนี้ ยูเรเนียมที่จะนำไปผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้นั้นจะต้องมีความบริสุทธิ์ถึง 90%
IAEA รายงานเมื่อเดือน พ.ค. ว่าอิหร่านใช้เครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ 1 ชุดที่โรงงานนาตันซ์เพิ่มความบริสุทธิ์ยูเรเนียมเป็น 60% และล่าสุดก็ได้แจ้งรายงานให้รัฐสมาชิกทราบวานนี้ (17) ว่า เตหะรานเพิ่มเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ขึ้นมาอีก 1 ชุดสำหรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่อิหร่านละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งจำกัดเพดานการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของเตหะรานไว้ไม่เกิน 3.67% ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปก็เคยเตือนแล้วว่าความเคลื่อนไหวลักษณะนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ถูกระงับไป
หลังจากที่รอยเตอร์เผยแพร่รายงานชิ้นนี้ รัฐบาลอิหร่านก็ได้ประกาศย้ำอีกครั้งว่าโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมดมีวัตถุประสงค์ในเชิงสันติ และได้แจ้งให้ IAEA รับทราบถึงกิจกรรมการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมตลอดมา
อิหร่านระบุด้วยว่า มาตรการต่างๆ ที่เป็นการละเมิดเงื่อนไขข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 จะถูกยกเลิกก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ หวนกลับสู่ข้อตกลง และเพิกถอนการคว่ำบาตรอิหร่าน
“หากรัฐภาคีอื่นๆ กลับไปปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลง และวอชิงตันยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ผิดกฎหมายอย่างสามารถตรวจสอบได้ มาตรการตอบโต้ทุกอย่างของอิหร่านก็อาจถูกยกเลิก และย้อนกลับไปสู่จุดเดิมที่เคยเป็น” สะอีด คาติบซาเดห์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ระบุ
IAEA ชี้ว่าโครงการเสริมสมรรถยูเรเนียมของอิหร่านคืบหน้าไปมากแม้จะถูกต่อต้านจากตะวันตก และไม่ปรากฏหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ากิจกรรมเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ด้านพลเรือน
ที่มา : รอยเตอร์