ประธานาธิบดีอัฟกานิสถานบินด่วนไปยังเมืองยุทธศาสตร์สำคัญมากทางภาคเหนือ เพื่อปลุกขวัญกำลังใจกองกำลังของฝ่ายรัฐบาลที่กำลังย่ำแย่ ขณะที่กลุ่มตอลิบานเดินหน้ายึดพื้นที่ได้กว่า 65% ของประเทศแล้ว รวมทั้งตีเมืองเอกของจังหวัดต่างๆ ได้มากได้กว่า 1 ใน 4 ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์
ข่าวการเดินทางของประธานาธิบดีอัชราฟ กอนี ไปยังเมืองมาร์ซาอีชารีฟ เมืองใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของอัฟกานิสถาน และเป็นเมืองเอกของจังหวัดบาลค์ เมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ถูกกลบสนิทในทันทีจากรายงานที่ระบุว่า ทหารของฝ่ายรัฐบาลอัฟกันหลายร้อยนายในเมืองคุนดุซที่อยู่ห่างออกไปไม่เท่าใด ได้ยอมจำนนต่อตอลิบานแล้ว หลังจากเมื่อคืนวันอังคาร (10) กลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มนี้ยังยึดเมืองไฟซาบัด เมืองเอกของจังหวัดบาดัคชาน ซึ่งสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า เป็นเมืองที่ 9 ที่ถูกตีแตกนับจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (6)
จาวัด มูจาดีดี สมาชิกสภาจังหวัดบาดัคชาน ชี้ว่า การเสียไฟซาบัด ซึ่งเป็นเมืองพรมแดนติดกับทาจิกิสถาน ปากีสถาน และจีน เท่ากับว่า พื้นที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถานตกอยู่ภายใต้การควบคุมของตอลิบานแล้ว
สำหรับที่มาซาร์ ประธานาธิบดีกอนีหารือกับอัตตา โมฮัมหมัด นูร์ ผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในท้องถิ่น และอับดุล ราชิด ดอสตูม ขุนศึกชื่อดัง เกี่ยวกับการปกป้องเมือง ขณะที่นักรบตอลิบานคืบคลานประชิดชานเมือง
หากสูญเสียมาซาร์จะถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลในกรุงคาบูล และสูญเสียการควบคุมภาคเหนือ ซึ่งเคยถือเป็นที่มั่นของบรรดากลุ่มติดอาวุธต่อต้านตอลิบานกลุ่มต่างๆ
ดอสตูมนั้น ภายหลังเดินทางถึงมาซาร์ ได้ประกาศกวาดล้างตอลิบาน และขู่ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มนี้พยายามบุกพื้นที่ภาคเหนือมาหลายครั้งแต่มักติดกับดักซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะฝ่าออกไป
ขุนศึกซึ่งมีกองกำลังอาวุธท้องถิ่นของตนเอง เคยถูกกล่าวหาว่า ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เชลยศึกตอลิบานหลายร้อย หรืออาจหลายพันคนระหว่างปฏิบัติการที่นำโดยอเมริกาในปี 2001 และสามารถโค่นล้มรัฐบาลของกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงนี้สำเร็จ
สำหรับการสู้รบในอัฟกานิสถานระลอกนี้ ระอุขึ้นนับจากเดือนพฤษภาคมที่กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยอเมริกาเริ่มถอนออกจากอัฟกานิสถาน โดยมีกำหนดเสร็จสิ้นปลายเดือนนี้
นับจนถึงขณะนี้ คุนดุซถือเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดซึ่งตอลิบานช่วงชิงมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทหารจำนวนมากในสนามบินที่อยู่นอกเมืองได้ยอมจำนน กระนั้น ยังมีสมาชิกกองกำลังของรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่งปักหลักอยู่ในค่ายซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองเช่นกัน
ไม่เฉพาะทางภาคหนือ กองกำลังฝ่ายรัฐบาลยังสู้รบอย่างดุเดือดกับตอลิบานในจังหวัดกันดาฮาร์และจังหวัดเฮลมันด์ทางภาคใต้ ซึ่งถือเป็นที่มั่นที่ตอลิบานสะสมกำลังพลช่วงเติบใหญ่ขึ้นมา
แม้ตอลิบานรุกไล่รัฐบาลอัฟกานิสถานและเข้าครอบครองพื้นที่ไปได้แล้วราว 65% ของประเทศ และคุกคามจะยึดเมืองเอกใน 11 จังหวัด แต่เมื่อวันอังคาร (10) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ เบเดน ไม่มีทีท่าจะเลื่อนกำหนดการถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นเดือนนี้ แต่กลับเรียกร้องให้ผู้นำคาบูลต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศชาติของตนเอง
ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า ไม่เสียใจที่ตัดสินใจถอนทหาร และตั้งข้อสังเกตว่า อเมริกาหมดเงินไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งสูญเสียทหารนับพันนาย
ขณะเดียวกัน ความพยายามของนักการทูตอเมริกันเพื่อฟื้นการเจรจาระหว่างรัฐบาลคาบูลกับตอลิบาน และกดดันให้กลุ่มก่อความไม่สงบนี้ยอมหยุดยิงดูเหมือนไร้ผล เนื่องจากตอลิบานมีแนวโน้มมุ่งชัยชนะทางทหารมากกว่า ในการกลับสู่อำนาจหลังถูกโค่นล้มเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ภายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หลังจากยึดเมืองเอกระดับจังหวัดที่อยู่รอบๆ มาซาร์ ได้แก่ เชเบอกัน ทางตะวันตก คุนดุซ และตาโลกัน ทางตะวันออก รวมทั้งครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ทางด้านเหนือแล้ว ตอลิบานเล็งเข้ายึดมาซาร์
มาซาร์นั้นเคยเป็นสนามรบนองเลือดระหว่างที่ตอลิบานไล่ทำลายล้างศัตรูทั่วประเทศในช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า มีการสังหารพลเรือนถึง 2,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวชนชาติฮาซาราซึ่งนับถืออิสลามนิกายชีอะห์ หลังเข้ายึดเมืองมาซาร์ไว้ในปี 1998
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)