องค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) เรียกร้องยกระดับเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้นตามเกมการแข่งขันต่างๆ ของศึกฟุตบอลยูโร 2020 ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นอีกครั้งในยุโรป ซึ่งโหมกระพือขึ้นจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่กำลังเล่นงานทั่วโลกอย่างหนักหน่วง
เคสผู้ติดเชื้อหลายร้อยคนถูกพบในบรรดากองเชียร์ที่เข้าชมศึกยูโร 2020 ทั่วทวีปยุโรป มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในโคเปนเฮเกน รวมถึงชาวสกอตแลนด์และชาวฟินแลนด์ที่เดินทางกลับมาจากลอนดอน และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตามลำดับ
ในความพยายามยกระดับการป้องกัน สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ยกเลิกตั๋วทั้งหมดที่จำหน่ายแก่พลเมืองสหราชอาณาจักร ในเกมการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศที่อังกฤษจะพบกับยูเครนในกรุงโรมช่วงสุดสัปดาห์นี้
รัสเซียพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) ส่วนสหราชอาณาจักร ซึ่งมีคิวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ 1 นัด และรองชิงชนะเลิศในสัปดาห์หน้า จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แม้โครงการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
โปรตุเกสก็กำลังประสบปัญหาในการควบคุมตัวกลายพันธุ์เดลตาเช่นกัน และในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) ตัดสินใจกลับมากำหนดเคอร์ฟิวยามค่ำคืนอีกรอบใน 45 เมือง ในนั้นรวมถึงกรุงลิสบอน เริ่มตั้งแต่สุดสัปดาห์นี้เป็นต้นไป
“จะมีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลกจนกว่าเราจะมีระเบียบวินัย” ดร.ฮานส์ คลูก (Hans Kluge) หัวหน้าสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำทวีปยุโรปกล่าวเตือน หลังพบเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10% ในภูมิภาคแห่งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลจากมีการเดินทางเพิ่มขึ้น พบปะรวมตัวกันมากขึ้นและผ่อนปรนข้อจำกัดทางสังคม
เมื่อถูกถามว่าศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอาจกลายเป็นกิจกรรม “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” ดร.คลูกตอบว่า “ผมหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้”
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกแล้วมากกว่า 3.9 ล้านคน จากการนับของเอเอฟพี
ในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) องค์การยาแห่งยุโรประบุว่าวัคซีนโควิด 2 โดสดูเหมือนจะมอบการป้องกันตัวกลายพันธุ์เดลตาได้ดีขึ้น ส่วนทางเยอรมนีออกข้อแนะนำให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนโดสแรกของแอสตร้าเซนเนก้า ปรับไปใช้วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค หรือวัคซีนของโมเดอร์นา ในเข็มสอง เพื่อการป้องกันโควิด-19 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในนั้นรวมถึงตัวกลายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มีประชากรฉีดวัคซีนไปแล้วราว 3,000 ล้านคนทั่วโลก โครงการฉีดวัคซีนทั่วโลกกลับเกิดความไม่เท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิงระหว่างประเทศต่างๆ โดยบรรดาชาติที่มีรายได้ต่ำนั้นมีค่าเฉลี่ยฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอยู่ที่แค่ 1 เข็มต่อประชากร 100 คน
ขณะเดียวกันก็มีประเด็นไม่ไว้วางใจวัคซีนเกิดขึ้นในหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงรัสเซีย กระตุ้นให้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเร่งเร้าประชาชนเข้ารับวัคซีน
รัสเซียรายงานในวันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) พบผู้เสียชีวิต 672 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ
ที่น่ากังวลคือ เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบก่อนรองชนะเลิศคู่ระหว่างสเปนกับสวิตเซอร์แลนด์ในวันศุกร์ (2 ก.ค.) พบผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ 115 ราย
เจ้าหน้าที่มีการกำหนดข้อจำกัดเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ ในนั้นรวมถึงห้ามขายอาหารบริเวณแฟนโซน
(ที่มา : เอเอฟพี)