ฟินแลนด์เรียกร้องให้แฟนบอลยูโร 2020 ที่กลับจากชมการแข่งขันในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ของรัสเซีย เข้ารับการตรวจโควิด หลังพบผู้ติดเชื้อแล้ว 300 คน ด้านอียูวอนยูฟ่าทบทวนการตัดสินใจจัดแข่งขันรอบรองชนะเลิศและรอบชิงแชมป์ที่เวมบลีย์ ชี้เวลานี้อังกฤษถูก “เดลตา” เล่นงานอ่วม ขณะที่ลอนดอนปฏิเสธข้อเสนอแนะดังกล่าว แถมประกาศเปิดสนามให้แฟนบอลเข้าเชียร์เต็มที่กว่า 60,000 คน พร้อมเดินหน้ายกเลิกมาตรการจำกัดเพื่อสกัดไวรัสโคโรนา ในกลางเดือนหน้าตามแผนซึ่งวางไว้
สัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีซันนา มาริน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงหลายคนของฟินแลนด์ แสดงความกังวลหลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองบริเวณด่านชายแดนติดกับรัสเซียต้องรับภาระหนักจากแฟนบอลราว 3,000 คนที่เดินทางกลับจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หลังทีมฟินแลนด์ถูกเบลเยียมเขี่ยตกรอบ
นอกจากนั้นยังมีชาวฟินแลนด์อีกราว 800 คน โดยเฉพาะผู้ที่โดยสารรถโค้ช เดินทางกลับเข้าประเทศโดยไม่ได้ผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 และไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการให้ต้องกักตัว
คริสตินา พอยคาจาร์วี จากสำนักงานบริหารเซาท์ซาโวที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดน เผยว่า นักท่องเที่ยวบางคนไม่ยอมรับโทรศัพท์ติดต่อจากเจ้าหน้าที่ติดตามผู้สัมผัสโรค และยังคงใช้ชีวิตตามปกติ
ทีเอชแอล ซึ่งเป็นหน่วยงานสาธารณสุขฟินแลนด์แถลงเมื่อวันจันทร์ (28 มิ.ย.) ว่า พบผู้ติดเชื้อเกือบ 300 คนในกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พร้อมแนะนำให้แฟนบอลคนอื่นๆ ที่กลับจากรัสเซียกักตัวอย่างน้อย 72 ชั่วโมงจนกว่าจะมีผลตรวจเป็นลบ
สัปดาห์ที่แล้ว ทีเอชแอลระบุว่า เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 กำลังเผชิญการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดีย และมีอัตราอุบัติการณ์ของโรคสูงกว่าในฟินแลนด์ถึง 20 เท่า
ทั้งนี้นับจนถึงวันจันทร์ ฟินแลนด์มีผู้ติดเชื้อสะสม 95,168 คน เฉพาะสัปดาห์ที่แล้วพบเคสใหม่ 1,184 คน ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีไม่ถึง 1,000 คน
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จากผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ยังสร้างความกังวลให้กับมาร์การิติส ชินาส รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป โดยในวันจันทร์ (28) เขาแถลงต่อรัฐสภายุโรปว่า โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่มั่นใจที่อังกฤษจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ 2 นัด และรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 6,7 และ 11 เดือนหน้า เนื่องจากขณะนี้อังกฤษกำลังเผชิญการระบาดรุนแรงอีกครั้งจากสายพันธุ์เดลตา และเรียกร้องให้ยูฟ่า “วิเคราะห์” ตัวเลือกสถานที่จัดการแข่งขันใหม่
ทว่าอังกฤษที่มีอัตราการระบาดสูงกว่าสหภาพยุโรป (อียู) ถึง 4 เท่าตัวในขณะนี้ กลับปฏิเสธข้อเสนอแนะในการย้ายการแข่งขันยูโร 2020 จากสนามเวมบลีย์ไปยังประเทศอื่น มิหนำซ้ำรัฐบาลยังประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะเปิดให้แฟนบอลเข้าชมกว่า 60,000 คนทั้งในรอบรองและรอบชิงชนะเลิศ
ในวันจันทร์ ซาจิด จาวิด ซึ่งแถลงต่อรัฐสภาครั้งแรกในตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ ยืนยันว่า รัฐบาลจะยกเลิกมาตรการสกัดไวรัสโคโรนาทั้งหมดในวันที่ 19 เดือนหน้า เนื่องจากไม่มีทางที่ประเทศจะปลอดความเสี่ยงโควิดโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโรคนี้
อังกฤษเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดหนักที่สุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 128,000 คน
รัฐบาลเริ่มยกเลิกมาตรการกักตัวอยู่บ้านในเดือนมีนาคม กระนั้น นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน จำเป็นต้องเลื่อนการยกเลิกมาตรการจำกัดทั้งหมดที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 21 เดือนนี้ เนื่องจากมีความกังวลมากขึ้นกับการระบาดระลอกใหม่จากสายพันธุ์เดลตา แม้ชาวอังกฤษเกือบ 2 ใน 3 ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วก็ตาม
จาวิดที่ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังและมหาดไทย และเพิ่งย้ายมาคุมกระทรวงสาธารณสุขหลังจากรัฐมนตรีคนเดิมคือ แมตต์ แฮนค็อก เผชิญเรื่องอื้อฉาวและลาออกไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26) เผยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 95% เชื่อมโยงกับสายพันธุ์เดลตา โดยจากตัวเลขล่าสุดของรัฐบาล อังกฤษพบเคสใหม่ถึง 22,868 คนในวันจันทร์ เพิ่มจาก 14,623 คนเมื่อวันอาทิตย์ (27)
เช่นเดียวกับที่ฝรั่งเศส โอลิวิเญร์ เวรอง รัฐมนตรีสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในวันอังคาร (29) ว่า พบสายพันธุ์เดลตาในผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 20% เพิ่มขึ้นจาก 9-10% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนั้น วันจันทร์ที่ผ่านมา โลทาร์ ไวเลอร์ ประธานสถาบันโรเบิร์ต ค็อกในเยอรมนียังเปิดเผยว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัวจาก 15% เป็น 36% ของเคสรายใหม่ทั้งหมด
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)