หลายประเทศในเอเชียเร่งยกระดับมาตรการสกัดไวรัสเข้มข้นขึ้น เพื่อรับมือการระบาดของตัวกลายพันธุ์ "เดลตา” ขณะที่ในรัสเซีย สถานการณ์น่ากังวลมากขึ้น กรุงมอสโกเริ่มใช้มาตรการให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (28 มิ.ย.) ส่วนเซนต์ปิเตอร์สเบิร์ก เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งก็เป็นหนึ่งในสนามแข่งฟุตบอลยูโร 2020 เวลานี้
ขณะที่ประเทศมั่งคั่งหลายแห่งโดยเฉพาะสหรัฐฯและยุโรปตะวันตก มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ลดลงอย่างชัดเจนหลังระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชน แต่โรคโควิด-19 กลับยังคงระบาดหนักตั้งแต่บังกลาเทศจนถึงอเมริกาใต้ หลายประเทศในจำนวนนี้กำลังเผชิญไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อรวดเร็วขึ้นกว่าตัวดั้งเดิม และตรวจพบครั้งแรกในอินเดีย
ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียพบเคสใหม่พุ่งพรวดเนื่องจากสายพันธุ์เดลตา โดยสองเมืองใหญ่ มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กรายงานยอดผู้เสียชีวิตทำสถิติใหม่วันที่ 2 ติดต่อกันในวันจันทร์
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26) เซียร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีมอสโกเรียกร้องให้ประชาชนฉีดวัคซีนเพื่อหยุดยั้งการระบาด
นอกจากนั้นนับจากวันจันทร์ ประชาชนในมอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของรัสเซีย จะต้องทำงานจากที่บ้าน ยกเว้นผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว อีกทั้งยังต้องแสดงคิวอาร์โค้ดที่เป็นหลักฐานรับรองการฉีดวัคซีน ประวัติการป่วยโควิดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หรือมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ เมื่อเข้าใช้บริการร้านอาหาร
การระบาดของโควิด-19 ในรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญสถานการณ์เลวร้ายที่สุดของโลก ยังน่ากังวลอย่างยิ่งเนื่องจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเป็นหนึ่งในสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ที่แข่งกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งรวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในวันศุกร์ (2 ก.ค.) และแม้มีการจำกัดจำนวนผู้ชมเพียงครึ่งหนึ่งของความจุของสนาม แต่ยังสูงถึง 26,000 คน
โควิด-19 ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกเกือบ 4 ล้านคน นับจากอุบัติขึ้นครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปี 2019 และไวรัสยังคงกลายพันธุ์เกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดในขณะนี้คือเดลตา ที่พบใน 85 ประเทศ
บังกลาเทศเป็นอีกประเทศที่สถานการณ์การระบาดยังคงหนักหน่วง โดยผลการศึกษาของศูนย์วิจัยโรคท้องร่วงนานาชาติในกรุงธากาพบว่า เคสใหม่ในประเทศนี้กว่า 2 ใน 3 เชื่อมโยงกับสายพันธุ์เดลตา
ประเทศเอเชียใต้ที่มีประชากรกว่า 160 ล้านคนแห่งนี้จะเริ่มปิดร้านค้า ตลาด ระบบขนส่ง และสำนักงานตั้งแต่วันพฤหัสบดี (1 ก.ค.) และคำสั่งนี้ก็ทำให้แรงงานต่างถิ่นนับหมื่นแห่เดินทางกลับบ้าน
ด้านอินโดนีเซียรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ทำสถิติสูงสุดถึง 21,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ ท่ามกลางความกังวลว่า โรงพยาบาลต่างๆ ใกล้รองรับไม่ไหว
ที่ออสเตรเลียพบการระบาดระลอกใหม่จากสายพันธุ์เดลตาเช่นเดียวกันในพื้นที่ที่ไม่เคยบังคับใช้คำสั่งป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด
ขณะนี้ ประชาชนในซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียถูกกำหนดให้ทำงานจากที่บ้านนานสองสัปดาห์ ส่วนที่เมืองดาร์วิน มีการขยายผลคำสั่งล็อกดาวน์จากเดิมจะสิ้นสุดวันอังคาร (29) ให้ยาวออกไปจนถึงวันศุกร์ (2 ก.ค.) หลังพบผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ที่เชื่อมโยงกับเหมืองทองเพิ่มเป็น 7 คน
เช่นเดียวกับแอฟริกาใต้ที่ประกาศมาตรการจำกัดใหม่เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งประกอบด้วยการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทั้งหมด ยกเว้นเฉพาะงานศพ ห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร และเพิ่มเวลาเคอร์ฟิวในช่วงกลางคืนอีกหนึ่งชั่วโมง
สถานการณ์ในประเทศมั่งคั่งในตะวันตกที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิงอันเป็นผลจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน
ตัวอย่างเช่นอิตาลีที่กลายเป็นพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ ประกาศยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากทั่วประเทศนับจากวันจันทร์ หลังจากบังคับใช้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี โรเบอร์โต สเปแรนซา รัฐมนตรีสาธารณสุข เตือนว่า ชาวอิตาลียังต้องระมัดระวังต่อไป โดยเฉพาะไวรัสตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆ และย้ำว่า การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด
(ที่มา: เอเอฟพี)