อินโดนีเซียแถลงวันอาทิตย์ (27 มิ.ย.) พบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นมากกว่า 21,000 ราย กลายเป็นการทำสถิติใหม่อันน่าหดหู่ในเรื่องจำนวนเคสใหม่ในรอบวัน ขณะที่โรงพยาบาลต่างๆ เต็มล้นด้วยคนป่วยโรคระบาดใหญ่นี้ ทั้งในกรุงจาการ์ตาและตามเมืองอื่นๆ ของแดนอิเหนา ซึ่งกำลังได้ชื่อว่าเป็นประเทศถูกไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เล่นงานหนักหน่วงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตัวเลขล่าสุดนี้ทำให้ยอดสะสมเคสผู้ป่วยโควิด-19 ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2.1 ล้านคน โดยที่มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 57,138 คน แต่เชื่อกันว่าตัวเลขจริงๆ น่าจะสูงกว่านี้มาก สืบเนื่องจากแดนอิเหนามีการออกตรวจทดสอบหาเชื้อกันน้อย
เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาของอินโดนีเซียพุ่งพรวดขึ้นมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังๆ มานี้ ภายหลังผู้คนเป็นล้านๆ ในแดนอิเหนาพากันเดินทางไปไหนต่อไหนตามประเพณีนิยม ในช่วงสิ้นสุดเดือนถือศีลอดรอมฎอนของชาวมุสลิมเมื่อเดือนพฤษภาคม ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระบุด้วยว่าพบไวรัสตัวกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ๆ ซึ่งมีความสามารถในการติดต่อแพร่โรคได้สูงขึ้นกว่าสายพันธุ์เดิม
สิติ นาเดีย ทาร์มิซิ โฆษกของทีมงานเฉพาะกิจ โควิด-19 ของแดนอิเหนา แถลงว่า “เราทำนายว่าจำนวนเคสจะยังคงพุ่งสูงขึ้นต่อไปอีก” เธอบอกว่า “คาดหมายว่าจุดพีคสูงสุดจะไปถึงในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า”
กำลังมีความหวาดกลัวกันมากขึ้นทุกทีว่าระบบสาธารณสุขที่ชำรุดทรุดโทรมของอินโดนีเซียอาจจะพังครืนลงมา และมีรายงานข่าวหลายกระแสระบุว่า โรงพยาบาลที่มีคนไข้ล้นบางแห่งกำลังถูกบังคับให้ต้องปฏิเสธไม่รับคนไข้เพิ่ม
ทั้งนี้โรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่เมืองหลวงจาการ์ตา ตลอดจนจังหวัดชวาตะวันตกและจังวหวัดชวากลาง กำลังเนืองแน่นไปด้วยคนป่วย ในจำนวนนี้หลายรายติดเชื้อตัวกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดีย ตัวกลายพันธุ์สายพันธุ์นี้สามารถแพร่ติดต่อ ได้ในอัตราสูง
รัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งถูกติเตียนกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าตอบโต้รับมือกับโรคระบาดใหญ่คราวนี้ได้อย่างย่ำแย่ ได้มีการประกาศมาตรการในเรื่องจำกัดความเคลื่อนไหวของผู้คน แต่ยังคงยืนกรานไม่ไปถึงขั้นล็อกดาวน์อย่างที่ชาติอื่นๆ บางแห่งซึ่งถูกไวรัสร้ายเล่นงานกระทำกัน
เวลาเดียวกัน รัฐบาลกำลังวางจุดมุ่งหมายที่จะฉีดวัคซีนป้องกันแก่ประชาชนให้ได้มากกว่า 180 ล้านจากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 270 ล้านคนภายในต้นปีหน้า ขณะที่จนถึงเวลานี้มีประชากรเพียงแค่ประมาณ 5% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
เมื่อวันเสาร์ (26) รัฐบาลแถลงว่าบรรลุเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ผู้คนได้มากกว่า 1 ล้านคนภายในเวลาวันเดียว
(ที่มา: เอเอฟพี)