xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์กับเด็กอายุขั้นต่ำ 12 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (10 พ.ค.) อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคกับเด็กอายุขั้นต่ำ 12 ปี ขยายโครงการฉีดวัคซีนของประเทศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ในขณะที่อัตราผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนนั้นชะลอตัวอย่างมาก

ก่อนหน้านี้วัคซีนตัวดังกล่าวได้รับไฟเขียวใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA) กับประชาชนอายุขั้นต่ำ 16 ปีในสหรัฐฯ และไฟเซอร์ ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติอเมริกันเคยเปิดเผยว่าพวกเขาได้เริ่มกระบวนการสำหรับขออนุมัติเต็มรูปแบบสำหรับใช้กับกลุ่มคนอายุขั้นต่ำ 12 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ล่าสุดสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า พวกเขากำลังปรับแก้ EUA ครอบคลุมเด็กอายุระหว่าง 12 ปี ถึง 15 ปี ซึ่งมีจำนวนหลายล้านคน

วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค กลายเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ได้รับอนุมัติใช้กับเด็กกลุ่มนี้ในสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองว่าเป็นก้าวย่างสำคัญสำหรับการนำเด็กๆ หวนคืนสู่โรงเรียนอย่างปลอดภัย และทางประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ร้องขอให้รัฐต่างๆ เปิดทางให้เด็กวัยเยาว์ในช่วงอายุดังกล่าวเข้าถึงวัคซีนในทันที

“ความเคลื่อนไหวในวันนี้ที่อนุญาตให้ประชากรวัยเด็กช่วงอายุหนึ่งได้รับการปกป้องจากโควิด-19 กำลังนำพาเราใกล้กลับคืนสู่สภาวะปกติและยุติโรคระบาดใหญ่” ดอกเตอร์ เจเนต วูดค็อค รักษาการหัวหน้าสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวในถ้อยแถลง “พ่อแม่และผู้ปกครองสามารถวางใจได้ว่าหน่วยงานของเราทำการทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่มีอย่างเข้มงวดและรอบคอบ สำหรับอนุมัติใช้วัคซีนในกรณีฉุกเฉิน”

เด็กๆ ส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อโควิด-19 มักมีอาการแค่เล็กๆ น้อยๆ หรือไม่แสดงอาการใดๆ อย่างไรก็ตาม เด็กๆไม่ถึงกับพ้นจากความเสี่ยงล้มป่วยอาการรุนแรง และที่สำคัญพวกเขายังคงแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นๆ ได้

ดอกเตอร์ วิลเลียม กรูเบอร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านวัคซีนของไฟเซอร์ ระบุว่า การปรับแก้ EUA จะช่วยให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องประชากรกลุ่มหนึ่งเพิ่มเติม ในกลุ่มอายุที่ไม่รอดพ้นจากการติดเชื้ออาการรุนแรงโดยสิ้นเชิง

วัคซีนมีความสำคัญยิ่งในการยุติโรคระบาดใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายคนมีความกังวลว่าความลังเลเข้ารับวัคซีนของประชากรวัยผู้ใหญ่บางส่วนอาจส่งผลมาถึงบุตรหลานของพวกเขาด้วย

มีความเป็นไปได้ว่าพวกผู้ปกครองบางส่วนอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับความเสี่ยงเมื่อเทียบกับประโยชน์ของวัคซีน ด้วยที่ไม่รู้ว่าวัคซีนจะส่งผลกระทบในระยะยาวอย่างไรต่อพัฒนาการของเด็ก ท่ามกลางข้อมูลที่บ่งชี้ว่ามีเด็กวัยเยาว์เพียงแค่เล็กน้อยที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงจากเชื้อโควิด-19

ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคเปิดเผยในเดือนมีนาคม พบวัคซีนของพวกเขาก่อการตอบสนองสร้างแอนติบอดี้อย่างแข็งแกร่ง มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในเด็กอายุ 12-15 ปีในการทดลองทางคลินิก

ในการทดลองกับยุวชนอายุระหว่าง 12 ถึง 15 ปีจำนวน 2,260 คน มีผู้พบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19 ได้ 100% ทางบริษัทระบุในเวลานั้น

ทั้งนี้ ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคร้องขอขยาย EUA กับสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนเมษายน ให้ครอบคลุมถึงกลุ่มอายุผู้เยาว์ดังกล่าว

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พบว่าจนถึงวันอาทิตย์ (9 พ.ค.) มีประชากรเกือบ 46% ในอเมริกาที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส

อย่างไรก็ตาม อัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ ชะลอตัวลงอย่างมาก หลังจากค่าเฉลี่ย 7 วันแตะระดับสูงสุด 3.3 ล้านโดสต่อวันในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยค่าเฉลี่ยลดลงมากกว่า 1 ใน 3 เหลือราวๆ 2.1 ล้านโดสต่อวันในวันที่ 4 พฤษภาคม

วัคซีนของไฟเซอร์เป็นเพียงตัวเดียวที่ได้รับอนุมัติใช้กับเยาวชนอายุ 16 และ 17 ปีในสหรัฐฯ โดยจนถึงตอนนี้มีกลุ่มคนอายุดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสประมาณ 2 ล้านคน เนื่องจากหลายรัฐเพิ่งเริ่มฉีดวัคซีนให้คนที่ไม่มีความเสี่ยงสูงในกลุ่มอายุดังกล่าวในช่วงต้นเดือนเมษายน

การขยายฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมกลุ่มอายุ 12 ถึง 18 ปี อาจเปิดทางให้โรงเรียนต่างๆ ในสหรัฐฯ  ผ่อนปรนมาตรการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค

ไฟเซอร์คาดหมายว่าจะได้ข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนในเด็กกลุ่มอายุระหว่าง 2 ถึง 11 ขวบในเดือนกันยายน และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขามีแผนจะยื่นเรื่องของปรับแก้ขยาย EUA อีกรอบ

(ที่มา : รอยเตอร์ส)


กำลังโหลดความคิดเห็น