อเมริกันชนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากตอนออกมาข้างนอกอีกต่อไป แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นสถานที่ที่ผู้คนไม่แออัด จากการเปิดเผยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวันอังคาร (27 เม.ย.)
ไบเดน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ จากบริเวณลานหญ้าทางเหนือของทำเนียบขาว ระบุว่ามีความคืบหน้าอย่างน่าตื่นตะลึงในโครงการฉีดซีน และเวลานี้สามารถผ่อนปรนมาตรการรบังคับสวมหน้ากากได้แล้ว
“สำหรับคนที่ยังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวหรือคิดว่าไม่คุณไม่ต้องการมัน นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่คุณควรเข้ารับวัคซีน ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย” ไบเดนกล่าว
คำแถลงสั้นๆ ของไบเดน มีขึ้นหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) หน่วยงานสาธารณสุขสูงสุดของรัฐบาล แจ้งว่าชาวอเมริกันชนที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 อีกต่อไป ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่อยู่กลางแจ้ง
“หากคุณรับวัคซีนครบถ้วน คุณสามารถเริ่มทำอะไรหลายๆอย่างที่คุณต้องหยุดไปสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่” ซีดีซีระบุในถ้อยแถลง
อย่างไรก็ตาม ทางซีดีซีบอกว่า หน้ากากยังคงถูกมองว่ามีความจำเป็นสำหรับคนฉีดวัคซีนแล้ว หากว่าคนเหล่านั้นอยู่ตามคอนเสิร์ตต่างๆ ขบวนพาเหรดหรือกิจกรรมกีฬาที่มีผู้คนเข้าร่วมจำนวนมาก แม้ว่ากิจกรรมเหล่านั้นจะจัดกลางแจ้งก็ตาม
ซีดีซีระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ในร่มยังคงอยู่ภายใต้มาตรการบังคับสวมหน้ากาก ในนั้นรวมถึงโรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แม้ช่วงเวลานั้นสถานที่เหล่านี้จะมีผู้คนไม่แออัดก็ตาม
จนถึงตอนนี้ คนวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐฯ แล้วมากกว่าครึ่งที่เข้ารับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และแม้อัตราประชาชนที่ขอฉีดวัคซีนจะเริ่มซาลง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ก็กำลังลดลงเช่นกัน
ไบเดนบอกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ บ่งชี้ว่าประชาชนอาจสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในช่วงฤดูร้อนกำลังคืบคลานเข้ามา “เริ่มต้นได้เลยในวันนี้ รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่สวนสาธารณะ ออกไปปิกนิก ตราบใดที่คุณฉีดวัคซีนครบแล้วและอยู่กลางแจ้ง คุณสามารถทำมันโดยไม่ต้องสวมหน้ากาก” เขากล่าว
ทั้งนี้ ไบเดน เดินออกจากตึกทำเนียบขาวมายังโพเดียมที่อยู่บริเวณลานหญ้าพร้อมกับหน้ากากสีดำ แต่ขากลับเขาเดินกลับโดยไม่สวมใส่หน้ากากแต่อย่างใด “ดูไว้นะ ผมถอดมันออก และไม่จำเป็นต้องใส่มันจนกว่าจะกลับเข้าไปข้างใน” เขากล่าว หลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเขาจะส่งสารอย่างไรถึงประชาชน
ซีดีซีเน้นย้ำว่าการผ่อนปรนครั้งใหม่ล่าสุดนี้ ใช้เฉพาะกับคนที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วเท่านั้น และมีผล 2 สัปดาห์หลังจากคนนั้นๆ เข้าฉีดวัคซีนโดสสุดท้าย
(ที่มา : เอเอฟพี)
