คณะลูกขุนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ ระบุ ดีเร็ก ชอวิน อดีตตำรวจเมืองมินนีแอโพลิสที่ใช้หัวเข่ากดศีรษะจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งถูกสวมกุญแจมือนอนคว่ำอยู่กับพื้น จนเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาผิวดำคนนี้เสียชีวิต มีความผิดฐานฆาตกรรม คำตัดสินนี้ถือเป็นหลักชัยสำคัญในประวัติศาสตร์การต่อสู้ด้านเชื้อชาติในสหรัฐฯ และเป็นการประณามลงโทษวิธีการปฏิบัติต่อคนอเมริกันผิวดำของพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย นอกจากนั้นยังวาดหวังกันว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติสถาบันตำรวจ
คณะลูกขุนใช้เวลาไม่ถึง 11 ชั่วโมง ในวันอังคาร (20 เม.ย.) ก่อนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ชอวิน อดีตตำรวจผิวขาววัย 45 ปี มีความผิดในทั้ง 3 ข้อกล่าวหา ได้แก่ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้ตระเตรียมการไว้ก่อน การทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และการฆ่าคนตายโดยประมาท
กระบวนการยุติธรรมในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในศาลชั้นต้น เป็นระบบที่ใช้คณะลูกขุนซึ่งคัดเลือกจากพลเมืองผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียมาเป็นผู้พิจารณาตัดสินนั้น ถือกันว่าพวกลูกขุนมีอิสระในการตัดสินใจ แต่เท่าที่ผ่านมาในคดีตำรวจใช้ความรุนแรงกับประชาชนโดยเฉพาะที่เป็นชนกลุ่มน้อย มักพบว่าคณะลูกขุนมีความโน้มเอียงที่จะปกป้องฝ่ายผู้รักษากฎหมาย ทั้งนี้ยังไม่ต้องพูดถึงกฎหมายในสหรัฐฯซึ่งก็มักให้การปกป้องแก่ฝ่ายเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว อย่างไรก็ดี คณะลูกขุนในคดีนี้ระบุว่า ชอวินล้ำเส้นและใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
กลุ่มคนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องพิจารณาคดีและบริเวณนอกศาลในเมืองมินนีแอโพลิส ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ต่างกู่ร้องแสดงความยินดี บ้างร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ เช่นเดียวกับคนอีกมากมายทั่วอเมริกาและทั่วโลกที่เฝ้าติดตามคดีนี้ เมื่อมีการประกาศคำตัดสินภายหลังการพิจารณาคดีมานาน 3 สัปดาห์ ซึ่งมีการสอบปากคำพยาน 45 คน โดยมีทั้งผู้เห็นเหตุการณ์ ตำรวจ และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์
ชอวินที่ก่อนหน้านี้ได้รับการประกันตัว ถูกเพิกถอนการประกันและสวมกุญแจมือในทันที หลังจากปีเตอร์ เคฮิลล์ ผู้พิพากษาศาลเทศมณฑลเฮนเนปิน อ่านคำตัดสินของคณะลูกขุนจำนวน 12 คน ที่ประกอบด้วยผู้หญิง 7 คน และผู้ชาย 5 คนและมาจากหลากหลายเชื้อชาติผิวสี
ชอวิน ซึ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาคดี โดยผู้พิพากษาเคฮิลล์ประกาศว่า จะมีการตัดสินกำหนดระวางโทษภายในเวลา 8 สัปดาห์ ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่า ชอวินอาจถูกจำคุกถึง 40 ปี
ในวิดีโอที่ผู้เห็นเหตุการณ์ถ่ายไว้และอัยการนำมาเปิดระหว่างการแถลงปิดคดี ชอวิน อดีตตำรวจที่มีประสบการณ์การทำงานนานถึง 19 ปี ใช้เข่ากดทับคอฟลอยด์ที่ถูกสวมกุญแจมือและถูกจับนอนคว่ำกับพื้นนานกว่า 9 นาที และมีเสียงฟลอยด์พยายามบอกหลายครั้งว่า “ผมหายใจไม่ออก” และร้องเรียกแม่
การเสียชีวิตของฟลอยด์ ชายแอฟริกัน-อเมริกันวัย 46 ปี ระหว่างถูกจับกุมจากข้อกล่าวหาใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ปลอมซื้อบุหรี่เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมปีที่แล้ว จุดชนวนการประท้วงทั่วอเมริกาและทั่วโลกเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมด้านเชื้อชาติและความโหดเหี้ยมของตำรวจ
ก่อนการอ่านคำตัดสิน เมืองต่างๆ ทั่วอเมริกาต่างเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดความไม่สงบ และมีการระดมทหารกองกำลังป้องกันชาติ (เนชันแนลการ์ด)ไปควบคุมสถานการณ์ในมินนีแอโพลิส
ร็อดนีย์ น้องชายของฟลอยด์ กล่าวว่า คนดำในอเมริกาเป็นเหยื่อความอยุติธรรมจากน้ำมือเจ้าหน้าที่มานานนับร้อยปี ชัยชนะในคดีนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ชมการถ่ายทอดสดการอ่านคำตัดสินพร้อมกับรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ที่ทำเนียบขาว แถลงในเวลาต่อมาว่า คำตัดสินที่ออกมาถือเป็นก้าวย่างสำคัญของความยุติธรรมในอเมริกา พร้อมเรียกร้องให้อเมริกันชนร่วมกันต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการใช้ความรุนแรง
ขณะที่แฮร์ริส รองประธานาธิบดีหญิงผิวดำคนแรกของอเมริกา กล่าวกับครอบครัวฟลอยด์ว่า นี่เป็นวันแห่งความยุติธรรมในอเมริกา และประวัติศาสตร์จะจารึกช่วงเวลาสำคัญนี้
ด้านเคธ เอลลิสัน อัยการใหญ่มินนีแอโพลิส ระบุว่า คำตัดสินในคดีนี้ควรเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการปฏิวัติตำรวจ
เบน ครัมป์ ทนายความของครอบครัวฟลอยด์ ยกย่องว่า คำตัดสินนี้เป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ และเป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนเกี่ยวกับความจำเป็นที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต้องมีความรับผิดชอบและตรวจสอบได้ และทิ้งท้ายว่า ความยุติธรรมสำหรับคนอเมริกันผิวดำคือความยุติธรรมสำหรับอเมริกา
ส่วนทีมกฎหมายของชอวินยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่มีแนวโน้มว่า อาจยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน
ทั้งนี้ ในการแถลงเปิดการไต่สวนเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ทีมทนายจำเลยโต้แย้งว่า การกระทำของชอวินเป็นการปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสมของตำรวจภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว และพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่สาเหตุการเสียชีวิตของฟลอยด์
อย่างไรก็ดี ผลการชันสูตรยืนยันว่า ชอวินฆาตกรรมฟลอยด์ด้วยการทำให้ขาดอากาศหายใจ
นอกจากนั้น เมดาเรีย อาร์ราดอนโด ผู้บัญชาการตำรวจมินนีแอโพลิส ที่เป็นหนึ่งในพยานที่ให้ปากคำในคดีนี้ยังระบุว่า การกระทำของชอวินระหว่างการจับกุมฟลอยด์เป็นการละเมิดแนวทางในหลักสูตรการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างร้ายแรง
สำหรับการพิจารณาคดีตำรวจอีก 3 นายที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมฟลอยด์จะมีขึ้นปลายปีนี้ในข้อหาช่วยเหลือผู้กระทำผิด
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)