xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนของตำรวจมะกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



สังคมอเมริกันได้ตระหนักชัดแล้วว่าถ้าตำรวจกระทำความผิดทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตย่อมมีโอกาสจะถูกตัดสินจำคุกได้เช่นกัน ครั้งนี้คดีการเสียชีวิตของคนผิวสีนายจอร์จ ฟลอยด์ เป็นการเปิดหน้าฉากใหม่เกี่ยวกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา

หลังจากมีการไต่สวนคดีในศาลนานหลายสัปดาห์อดีตตำรวจชื่อดิเรก โชวิน ถูกคณะลูกขุนตัดสินหลังจากใช้เวลาเพียงหนึ่งวันว่าเป็นผู้กระทำความผิดในขั้นฆาตกรรมกับผู้ต้องสงสัย นายฟลอยด์ ซึ่งเป็นต้นตอของการจลาจลในหลายเมืองยาวนานหลายเดือน

อาจจะผิดความคาดหมายของคนทั่วไปที่คำตัดสินของคณะลูกขุนนั้นอยู่ในระดับความรุนแรง เพราะเป็นกรณีของการทำให้ผู้อื่นตายโดยเจตนา แต่อาจจะเป็นเพราะกระแสแรงกดดันจากสังคมที่ทำให้คณะลูกขุนมีคำวินิจฉัยเช่นนี้

คดีนี้ถือว่ามีราคาแพงเพราะฝ่ายจำเลยมีกองทุนโดยสมาคมตำรวจเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่ฝ่ายทีมอัยการก็มีคณะทำงานซึ่งอยู่ในระดับหัวแถว

จึงเป็นศึกด้านกฎหมายที่สมศักดิ์ศรีและฝีมือในการนำเสนอหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของสังคมอเมริกัน

ในคดีนี้อดีตนายตำรวจเมืองมินนิอาโปลิส ถูกขังทันทีโดยศาลไม่ให้ประกันเพื่อรอการตัดสินลงโทษหลังจากที่ลูกขุนได้ตัดสินแล้ว

โทษที่จะได้รับในคดีฆาตกรรมอาจสูงถึง 40 ปีนั่นหมายความว่านายโชวิน จะต้องใช้ชีวิตในบั้นปลายหลังจากอายุ 40 กว่าปีในคุกซึ่งต้องรอดูว่าศาลจะเปิดโอกาสให้มีการบรรเทาโทษได้หรือไม่

อดีตตำรวจอีก 3 นายซึ่งร่วมทีมก็จะถูกดำเนินคดีในศาลอีกไม่นานหลังจากนี้ และเมื่อเห็นว่าการตัดสินในคดีของโชวินได้รับโทษสูงอย่างนั้นก็ย่อมคาดได้ว่าโอกาสที่จะหลุดจากคดีนั้นเป็นไปได้ยาก

อดีตนายตำรวจโชวินถูกกล่าวหาว่าทำให้นายฟลอยด์เสียชีวิตโดยใช้เข่ากดต้นคอไว้นานกว่า 9 นาทีขณะที่นายฟลอยด์ถูกจับใส่กุญแจมือนอนคว่ำอยู่กับพื้นถนน โดยเสียงเรียกร้องว่าตัวเองหายใจไม่ออกไม่ได้รับการแยแสโดยคณะตำรวจที่จับกุม

จากภาพปรากฏในคลิปวิดีโอหลายมุมแสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ต้องการแสดงออกให้เห็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการจับกุมและดำเนินคดี เป็นภาพที่ให้เห็นแม้กระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเหยื่อในการจับกุม

นายฟลอยด์ถูกแจ้งข้อหาว่าใช้ธนบัตร 20 ดอลลาร์ปลอม ซึ่งอันที่จริงต้องได้รับการพิสูจน์ในศาลแต่การที่ต้องเสียชีวิตก่อนเพราะถูกกดคอจนหายใจไม่ออก และพิสูจน์เหตุการณ์ตายได้ในศาลนั้น เท่ากับเป็นการยืนยันว่าเป็นฆาตกรรม

แม้ครอบครัวนายฟลอยด์จะได้รับเงินชดใช้มากกว่า 20 ล้านดอลลาร์ ก็ยังไม่เท่ากับความพึงพอใจที่ตำรวจต้องติดคุก เพราะทำให้ประชาชนเสียชีวิตและถือว่าเป็นความพอใจของคนผิวสีทั่วทั้งสหรัฐฯ ว่าครั้งนี้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมได้ให้ความยุติธรรมอย่างแท้จริง

ที่ผ่านมาโอกาสที่ตำรวจจะต้องติดคุกเพราะทำให้ประชาชนเสียชีวิตช่วงการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นเรื่องยากเย็น และไม่ค่อยมีเพราะส่วนใหญ่จะไม่ถูกดำเนินคดีด้วยข้ออ้างการทำหน้าที่ แต่ครั้งนี้มีทั้งภาพวิดีโอและคลิปต่างๆ รวมทั้งพยานบุคคลซึ่งให้การชัดเจนว่าการกระทำโดยการกดคออยู่กับพื้นนั้น เป็นเจตนาและย่อมเล็งเห็นผลว่าจะทำให้เสียชีวิตได้

คดีความในศาลครั้งนี้ถ่ายทอดสดผ่านสื่อโทรทัศน์ไปทั่วโลกถือว่าเป็นคดีดรามาเต็มที่ มีทั้งพยานโจทก์และพยานจำเลย รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสาขาอื่นมาให้ปากคำโดยที่มีทนายและอัยการฝ่ายละกว่า 10 นายสู้กันด้วยหลักฐานอย่างเต็มที่

สังคมอเมริกันย่อมมีมุมมองว่าการพิจารณาคดีครั้งนี้ยุติธรรมหรือไม่ แน่นอนตำรวจผิวขาวอาจจะต้องกล้ำกลืนความไม่พอใจเพราะคดีนี้ถือว่าเป็นรากฐานของบทเรียนและแนวทางปฏิบัติ ซึ่งศาลอาจจะนำไปใช้ในคดีอื่นที่คล้ายคลึงกัน โดยที่ผู้เสียชีวิตเป็นคนผิวสีและผู้กระทำความผิดเป็นตำรวจผิวขาว

ถือว่าเป็นช่วงเวลาของความเจ็บปวดในสังคมอเมริกันซึ่งสะท้อนให้เห็นการเหยียดผิวและการปฏิบัติอย่างเกินเลยโดยนายตำรวจผิวขาว และนำไปสู่การจลาจลและความวุ่นวาย รวมทั้งความเสียหายด้านเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในหลายเมือง

ยังไม่มีใครประเมินถึงความเสียหายที่ว่านั่นเพราะห้างร้านต่างๆ ถูกบุกเข้าขโมยทรัพย์สินและหลายแห่งถูกเผาแต่ความแตกแยกในด้านผิวสี และเชื้อชาติยิ่งฟ้องให้เห็นว่านี่คือวิกฤตในสหรัฐฯ และนำไปสู่การสังหารหมู่หลายครั้ง โดยที่คนผิวสีที่ไม่ใช่ผิวขาวเป็นเหยื่อการกระทำ

อดีตนายตำรวจที่ร่วมทีมย่อมรู้สึกได้ว่าตัวเองและทนายความจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าชุดของคดีนายฟลอยด์ ถ้าจะให้ต้องรับโทษเบาบางลงแต่อย่างน้อยที่สุดทั้ง 3 นายก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำเอง

มีอีกหนึ่งคดีที่ต้องเฝ้าดูกรณีที่ตำรวจหญิงในเมืองเดียวกันใช้ปืนไฟฟ้ายิงผู้ต้องสงสัยแต่หยิบผิดกลายเป็นหยิบปืน และทำให้เป้าหมายเสียชีวิตซึ่งอาจจะเข้าข่ายเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

ทุกวันนี้ประชาชนยังชุมนุมด้วยความไม่พอใจในเรื่องนี้ซึ่งเกิดขึ้นไม่ห่างไกลนักจากคดีของนายฟลอยด์ จึงนับว่าเป็นจังหวะที่ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานตำรวจในเมืองนั้น

คดีนี้คงไม่ทำให้ระดับของความเกลียดชังและแตกแยกของสีผิวลดน้อยลง ตรงกันข้ามอาจจะมีความคิดรุนแรงในกลุ่มคนผิวขาวบางพวก และความมั่นใจหรือถึงขั้นย่ามใจในกลุ่มคนผิวดำว่าจากนี้ไปตัวเองคนผิวสี จะไม่ตกเป็นเหยื่อกระสุนปืนหรือการปฏิบัติรุนแรงโดยตำรวจ

นั่นเป็นเรื่องของสังคมอเมริกันที่ต้องรับสภาพกับผลพวงการกระทำของตำรวจ และอาจจะเป็นบทเรียนต่อไปในการปฏิบัติหน้าที่


กำลังโหลดความคิดเห็น