เมืองบรูกลิน เซ็นเตอร์ รัฐมินนิโซตา ต้องประกาศเคอร์ฟิวช่วงก่อนรุ่งสางวันจันทร์ (12 เม.ย.) หลังฝูงชนรวมตัวประท้วงเหตุตำรวจยิงหนุ่มผิวดำตายจากการละเมิดกฎหมายจราจรเมื่อวันอาทิตย์ (11) ห่างจากจุดที่จอร์จ ฟลอยด์ ถูกตำรวจผิวขาวนั่งใช้เข่ากดคอจนสิ้นใจเมื่อกลางปีที่แล้วเพียง 16 กิโลเมตร ขณะที่เวอร์นิเจีย ผู้ว่าการรัฐสั่งสอบสวนกรณีตำรวจ 2 คนเรียกนายทหารผิวดำจอดรถข้างทางและพ่นสเปรย์พริกไทยใส่หน้า โดยที่ล่าสุด ตำรวจคนหนึ่งถูกไล่ออกแล้ว
ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เผยว่า ผู้เสียชีวิตคือ ดอนเต ไรต์ หนุ่มผิวดำวัย 20 ปี และระบุในคำแถลงระหว่างติดตามสถานการณ์การประท้วงในบรูกลิน เซ็นเตอร์ว่า “รัฐของเราต้องไว้อาลัยให้กับชายผิวดำอีกคนที่เสียชีวิตจากน้ำมือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย”
เคที ไรต์ แม่ของไรต์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เธอได้รับโทรศัพท์จากลูกชายเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ โดยเขาบอกว่า ถูกตำรวจเรียกให้จอดรถเพราะห้อยน้ำหอมปรับอากาศที่กระจกมองหลัง ซึ่งผิดกฎหมายในรัฐมินนิโซตา และเธอได้ยินเสียงตำรวจบอกให้ลูกชายลงจากรถ เสียงใส่กุญแจมือ และเสียงเรียกไม่ให้ลูกชายของเธอหนีก่อนที่สายจะตัดไป
เมื่อโทรศัพท์กลับไป แฟนของลูกชายเป็นคนรับสายและบอกเธอว่า ไรต์เสียชีวิตอยู่หลังพวงมาลัย
ทางด้านสำนักงานตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์ แถลงว่า ตำรวจเรียกให้ไรต์จอดรถเมื่อเวลาใกล้ๆ 14.00 น. วันอาทิตย์ เนื่องจากทำผิดกฎหมายจราจร ก่อนที่จะตรวจพบว่า เขามีหมายจับค้างอยู่ แต่เมื่อพยายามเข้าจับกุม ไรต์กลับหนีขึ้นรถ ตำรวจนายหนึ่งจึงยิงใส่ แต่ไรต์ยังขับรถไปได้หลายช่วงตึกก่อนชนกับรถอีกคันและเสียชีวิตในรถ
คำแถลงเสริมว่า ตำรวจทั้งคู่มีกล้องติดตัวและบันทึกภาพเหตุการณ์ระหว่างเกิดเหตุไว้แล้ว ขณะที่สำนักงานสอบสวนอาชญากรรมของมินนิโซตาระบุว่า กำลังสอบสวนเรื่องนี้
ปรากฏว่า ในคืนวันอาทิตย์ตำรวจบรูกลิน เซ็นเตอร์ต้องใช้กระสุนยางและระเบิดแสงสลายกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 100-200 คนที่ชุมนุมอยู่หน้าที่ทำการสำนักงานตำรวจและขว้างปาสิ่งของใส่ เนื่องจากไม่พอใจกรณีการเสียชีวิตของไรต์
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงอีกกลุ่มบุกเข้าปล้นห้างร้านราว 20 แห่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ไมค์ เอลเลียต นายกเทศมนตรีบรูกลิน ต้องบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวระหว่างเวลา 1.00-6.00 น. ของวันจันทร์ (12) และมีการนำทหารจากกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนล การ์ด) มาช่วยรักษาความสงบเรียบร้อย
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก็มีผู้ประท้วงต่อต้านตำรวจมาชุมนุมกันอยู่ในมินนิอาโปลิส ขณะที่การพิจารณาคดี ดีเร็ก โชวิน อดีตตำรวจผิวขาว สังหาร จอร์จ ฟลอยด์ ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดโดยทหารจากกองกำลังป้องกันชาติ
โชวินถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาจากการนั่งใช้เข่ากดทับคอจนกระทั่งฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี ที่ถูกสวมกุญแจมือระหว่างการจับกุมเสียชีวิตเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และวิดีโอภาพเหตุการณ์นี้จุดชนวนการประท้วงต่อต้านความป่าเถื่อนของตำรวจไปทั่วอเมริกาและทั่วโลก
ในอีกด้านหนึ่ง ที่รัฐเวอร์จิเนีย ผู้ว่าการรัฐ ราล์ฟ นอร์แธม แถลงยืนยันว่า ได้สั่งการให้ตำรวจเปิดการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ กรณีที่ตำรวจ 2 คนชักปืนและฉีดสเปรย์พริกไทใส่หน้าทหารผิวดำคนหนึ่งระหว่างเรียกให้จอดรถ ล่าสุด ตำรวจคนหนึ่งในเหตุการณ์นี้ถูกไล่ออกแล้ว
ในคลิปที่ถูกนำออกเผยแพร่ทางสื่อสังคม ร้อยโท คารอน นาซาริโอ นายทหารผิวดำซึ่งมีเชื้อสายละตินด้วย และเวลานี้เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของกองกำลังป้องกันชาติ ของรัฐเวอร์จิเนีย เอ่ยปากถามหลายครั้งว่า ตนเองทำผิดข้อหาอะไร ระหว่างที่ตำรวจ 2 นายของเมืองวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึงในเวอร์จิเนีย ชักปืนออกมาและบอกให้เขาลงจากรถ อีกทั้งกล่าวหาว่า เขาไม่ให้ความร่วมมือ
ทั้งนี้ นาซาริโอในเครื่องแบบทหาร กำลังขับรถเอสยูวีที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ตอนที่ถูกตำรวจเรียกให้จอดเนื่องจากไม่ได้ติดป้ายทะเบียนถาวร โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ปีที่แล้ว
คลิปเหตุการณ์ทั้งจากกล้องติดตัวตำรวจและมือถือของนาซาริโอถูกเผยแพร่กว้างขวางหลังจากเจ้าตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา
ถึงแม้เขาไม่ได้ถูกตั้งข้อหาใดๆ ในขณะเกิดเหตุ แต่ในคำฟ้องระบุว่า ตำรวจทั้งคู่ขู่ว่า จะทำให้นาซาริโอถูกปลดออกจากราชการทหาร หากเปิดเผยเหตุการณ์ดังกล่าว
ล่าสุด ทางการผู้รับผิดชอบของเมืองวินเซอร์ออกคำแถลงในวันอาทิตย์ (11) กล่าวว่า หนึ่งในตำรวจซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ ได้ถูกไล่ออกแล้ว ภายหลังจากการสอบสวนภายในซึ่งแสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีการปฏิบัติตามกระบวนวิธีที่กำหนดเอาไว้ของทางตำรวจ
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)