คณะปกครองทหารของพม่า ยอมปล่อยผู้ถูกควบคุมตัวจำนวนกว่า 600 คนเมื่อวันพุธ (24 มี.ค.) หลังเดินหน้าปราบปรามผู้ประท้วงอย่างเหี้ยมโหดไม่หยุดยั้ง โดยล่าสุดเพิ่งยิงเด็กหญิงอายุแค่ 7 ขวบเสียชีวิตคาบ้านพักบนตักพ่อ สำหรับบรรดานักเคลื่อนไหว พากันหันมาชักชวนประชาชน “สไตรก์เงียบ” งดค้าขาย ไม่ทำงาน และไม่ออกจากบ้าน 1 วัน
รถบัสกว่าสิบคันที่อัดแน่นด้วยผู้ถูกคุมตัวซึ่งได้รับการปลดปล่อย เคลื่อนตัวออกมานอกเรือนจำอินเส่ง ในเมืองย่างกุ้งเมื่อเช้าวันพุธ โดยกลุ่มที่ปรึกษาทางกฎหมายเผยว่า ผู้ได้รับการปล่อยตัวคือพวกที่ถูกจับกุมจากการประท้วงก่อนหน้านี้ ในจำนวนมีบางคนถูกจับขณะออกไปซื้อของตอนกลางคืน
หนึ่งในผู้ที่ได้รับอิสรภาพครั้งนี้คือ เตน ซอ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอพีที่ถูกจับตั้งแต่เดือนที่แล้วในข้อหาเผยแพร่ข่าวปลอม เขาบอกว่า ผู้พิพากษาถอนข้อกล่าวหาเนื่องจากเห็นว่าเขาปฏิบัติตามหน้าที่ตอนที่ถูกจับกุม
เอเอฟพีรายงานว่า มีผู้ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำอินเส่งกว่า 600 คน
ในวันเดียวกันนั้น นับรรดากเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศ “สไตรก์เงียบ” ด้วยการงดออกจากบ้านไม่ทำงาน ไม่ค้าขาย 1 วัน ปรากฏว่าได้ส่งผลให้ถนนในย่างกุ้ง และกรุงเนปิดอว์ว่างเปล่า
ก่อนหน้านั้นเมื่อคืนวันอังคาร (23) เกิดเหตุการณ์รุนแรงในมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่า โดยกองกำลังความมั่นคงได้เผาสิ่งกีดขวาง จับกุมประชาชน และบุกค้นบ้านเรือนต่างๆ สื่อรายงานว่ามีผู้ถูกซ้อมและมีเสียงปืนดังหลายครั้ง
สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คนในมัณฑะเลย์ ในจำนวนนี้คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่ถูกยิงตายบนตักพ่อในบ้านพัก
สำนักข่าวเมียนมาร์ นาว รายงานว่า ทหารตั้งใจยิงพ่อของเด็ก แต่กระสุนถูกเด็กที่กำลังนั่งอยู่บนตักของพ่อภายในบ้านของตัวเอง และในพื้นที่เดียวกันนี้ยังมีผู้ชายอีก 2 คน ถูกสังหารด้วย
กลุ่มบรรเทาทุกข์นานาชาติ “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” และเอเอพีพีระบุว่า นับจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเสียชีวิตระหว่างการปราบปรามของตำรวจทหารพม่าอย่างน้อย 20 คน
เซฟ เดอะ ชิลเดรนยังย้ำข้อเรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงพม่ายุติการโจมตีผู้ประท้วงทันที
ด้านองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ก็ออกคำแถลงระบุว่า การที่กองทัพพม่ายังคงใช้กำลังกับเด็ก ซึ่งรวมถึงการใช้กระสุนจริง ทำให้เด็กมากมายล้มตายและบาดเจ็บ โดยนับจากการรัฐประหาร มีเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 11 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร พลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกของสภาบริหาร ซึ่งคณะปกครองทหารจัดตั้งขึ้นภายหลังเข้ายึดอำนาจ ได้ออกมาแถลงแก้ต่างกรณีการปราบปรามประชาชนไม่หยุดหย่อนโดยอ้างว่าจะไม่ยอมให้เกิดภาวะอนาธิปไตย พร้อมให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตว่ามีจำนวน 164 คน หนำซ้ำโทษว่าผู้เสียชีวิตเหล่านั้นเป็นเหยื่อของผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรง อีกทั้งบอกว่ามีสมาชิกกองกำลังความมั่นคงเสียชีวิต 9 นาย
ซอ มิน ตุนสำทับว่า จากการนัดหยุดงานและโรงพยาบาลที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างเต็มที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยโควิด-19 เขายังโจมตีบุคลากรทางการแพทย์เหล่านั้นว่า ไม่รับผิดชอบหน้าที่และไร้จรรยาบรรณ
ขณะที่เอเอพีพีระบุว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับการตรวจสอบยืนยันนับจากการยึดอำนาจ มีจำนวน 275 คน โดยตัวเลขจริงๆ อาจสูงกว่านั้นอีก ส่วนผู้ถูกควบคุมตัวมีมากกว่า 2,800 คน
ขณะเดียวกัน ขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของอองซานซูจี ผู้นำพลเรือนที่ถูกโค่นล้มและถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่การรัฐประหาร บอกว่า ยังไม่สามารถพูดคุยกับลูกความเป็นการส่วนตัว
นอกจากนั้น กำหนดการไต่สวนซูจีในกรุงเนปิดอเมื่อวันพุธยังถูกเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 1 เมษายน เนื่องจากคณะปกครองทหารสั่งปิดอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่สามารถไต่สวนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้
ซูจีวัย 75 ปี ถูกตั้งข้อหาคดีอาญาหลายข้อหา โดยเริ่มต้นด้วยข้อหาครอบครองวิทยุสื่อสารที่ไม่มีใบอนุญาต จากนั้นก็เป็นเรื่องการละเมิดมาตรการจำกัดเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนาระหว่างหาเสียงเมื่อปลายปีที่แล้ว สุดท้ายก็มีการตั้งข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น
คณะปกครองทหารอ้างว่า มุขมนตรีย่างกุ้งที่ถูกควบคุมตัวอยู่เช่นกัน ได้รับสารภาพว่า เคยให้เงินซูจีรวม 600,000 ดอลลาร์ และทองคำอีกกว่า 1 กิโลกรัม มูลค่า 680,000 ดอลลาร์
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)