ทรัมป์เรียกร้องวุฒิสมาชิกรีพับลิกัน “เท” แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาสูง อ้างบุญคุณช่วยแมคคอนเนลล์ให้ได้เข้าสภาในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด พร้อมขู่ใช้อิทธิพลที่ยังมีล้นเหลือในพรรคเขี่ยสมาชิกที่ไม่เข้าข้างตัวเอง ขณะเดียวกัน สมาชิกเดโมแครตยื่นฟ้องทรัมป์ และ จูเลียนี ทนายคู่ใจ รวมถึงกลุ่มขวาจัดอีก 2 กลุ่ม ละเมิดกฎหมายคู คลักซ์ แคลน ด้วยการสนับสนุนม็อบบุกสภาเมื่อต้นปีเพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะของไบเดน
วันอังคาร (16 ก.พ.) โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำแถลงซึ่งถือเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ยาวที่สุดนับจากพ้นตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 20 มกราคม โดยในคำแถลงระบุว่า พรรครีพับลิกันไม่อาจเป็นที่เคารพยำเกรงภายใต้ผู้นำอย่างวุฒิสมาชิก มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และสำทับว่า สมาชิกที่ยังอยู่กับแมคคอนเนลล์จะไม่มีวันได้ชัยชนะกลับเข้าสู่สภาอีกครั้ง
การโจมตีนี้มีสาเหตุมาจากที่แมคคอนเนลล์กล่าวเมื่อวันเสาร์ (13) ว่า แม้ตนเองโหวตให้ทรัมป์พ้นผิดจากการถูกไต่สวนเพื่อถอดถอนกรณีปลุกม็อบบุกสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม แต่อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีความรับผิดชอบทั้งในทางปฏิบัติและศีลธรรมในเหตุการณ์ดังกล่าวที่มีผู้เสียชีวิตถึง 5 คน
แมคคอนเนลล์เสริมว่า การกระทำของทรัมป์เป็นชนวนให้เหล่าผู้สนับสนุนเดินขบวนและบุกเข้าสู่รัฐสภา “อาชญากรเหล่านั้นชูป้ายและธงทรัมป์ และตะโกนแสดงความจงรักภักดีต่อทรัมป์”
ในคำแถลงวันอังคาร ทรัมป์ยังกล่าวหาแมคคอนเนลล์ว่า ทำให้รีพับลิกันแพ้ในรัฐจอร์เจียและสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทั้งที่ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา นักการเมืองรุ่นลายครามผู้นี้สามารถควบคุมวุฒิสภาให้เดินไปในแนวทางเดียวกับทรัมป์
ทรัมป์อ้างว่า ตัวเองเป็นคนที่ทำให้แมคคอนเนลล์ที่ผูกขาดเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐเคนทักกีมาตั้งแต่ปี 1984 ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด
อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยังโจมตี อีเลน โจว ภรรยาของแมคคอนเนลล์ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่เกิดในไต้หวัน และเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมแต่ลาออกหลังเหตุม็อบบุกสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยระบุว่า แมคคอนเนลล์ขาดความน่าเชื่อถือในประเด็นจีนเนื่องจากครอบครัวมีหุ้นในธุรกิจแดนมังกร
ทรัมป์ยังขู่ว่า จะใช้ฐานเสียงที่ยังสนับสนุนตนอย่างเข้มแข็งหนุนผู้สมัครของรีพับลิกันที่สนับสนุนนโยบายและแนวทางของตนเท่านั้นในการเลือกตั้งปี 2022
อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์รอดคดีถอดถอนเนื่องจากเดโมแครตไม่สามารถรวมเสียงได้ถึง 2 ใน 3 ในสภาสูง แต่เหตุการณ์ม็อบบุกสภาจะยังตามรังควาญเขาไปอีกนาน
ล่าสุด เมื่อวันอังคาร ส.ส.เบนนี ธอมป์สัน สมาชิกพรรคเดโมแครตและประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯในกรุงวอชิงตัน กล่าวหาทรัมป์ รวมถึง รูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัว และกลุ่มสุดโต่งอีกสองกลุ่มคือ พราวด์ บอยส์ และ โอ๊ธ คีปเปอร์ส ละเมิดกฎหมายคู คลักซ์ แคลน ปี 1871 ด้วยการสนับสนุนความพยายามของฝูงชนในการขัดขวางไม่ให้รัฐสภารับรองโจ ไบเดน ในตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่
กฎหมายดังกล่าวให้อำนาจประธานาธิบดีขัดขวางกลุ่มเหยียดเชื้อชาติที่นิยมความรุนแรง เช่น คู คลักซ์ แคลน ที่ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามกลางเมืองปี 1861-1865 เพื่อต่อต้านการยินยอมให้คนอเมริกันผิวสีมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน มาตราหนึ่งในกฎหมายนี้ยังห้ามการใช้ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
ธอมป์สัน กล่าวหาทรัมป์ จูเลียนี และกลุ่มหัวรุนแรง 2 กลุ่มที่กล่าวข้างต้น สมรู้ร่วมคิดโดยการใช้กำลัง ข่มขู่ และคุกคาม เพื่อขัดขวางไม่ให้ตนและสมาชิกรัฐสภาคนอื่นๆ รับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของไบเดน
ทั้งนี้ เหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม นอกจากทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากแล้ว ยังทำให้สภาต้องระงับการดำเนินการเพื่อรับรองชัยชนะของไบเดนชั่วคราว
ธอมป์สัน ซึ่งเป็นคนผิวดำที่เกิดในมิสซิสซิปปีและเติบโตมาท่ามกลางการคุกคามของลัทธิคู คลักซ์ แคลน เรียกร้องค่าเสียหายที่ไม่ระบุจำนวนเงินสำหรับผลกระทบทางอารมณ์ และค่าเสียหายเชิงลงโทษด้วยการขอให้ศาลบังคับให้ทรัมป์และจำเลยคนอื่นๆ งดเว้นการละเมิดกฎหมายอีกในอนาคต
ด้าน เจสัน มิลเลอร์ โฆษกของทรัมป์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยยืนยันว่า ทรัมป์ไม่ได้วางแผนหรือจัดการให้มีการชุมนุมเมื่อวันที่ 6 มกราคม รวมทั้งไม่ได้ปลุกปั่นหรือสมรู้ร่วมคิดในการก่อความรุนแรงต่อรัฐสภาในวันดังกล่าว
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)