xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: เส้นทางของ ‘ทรัมป์, รีพับลิกัน, และไบเดน’ ภายหลังกระบวนการอิมพีชเมนต์ยุติลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วุฒิสภาสหรัฐฯโหวตในวันเสาร์ (13 ก.พ.) ให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พ้นผิดข้อหายุยงให้ม็อบบุกรัฐสภาเมื่อต้นเดือนมกราคม ด้วยคะแนน 57 ต่อ 43 ซึ่งถึงแม้คะแนนเกินกึ่งหนึ่ง ทว่าไม่ถึง 2 ใน 3 ที่จำเป็นต้องได้รับ สำหรับการตัดสินว่ามีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา
วุฒิสภาสหรัฐฯตัดสินในวันเสาร์ (13 ก.พ.) ที่ผ่านมาว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความผิดในข้อหายุยงให้เกิดเหตุการณ์บุกเข้าโจมตีอาคารรัฐสภาสหรัฐฯเมื่อวันที่ 6 มกราคม

การพ้นความผิดของทรัมป์ ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของสหรัฐฯในหลายๆ แง่มุม ทั้งเรื่องทิศทางต่อไปข้างหน้าของอดีตประธานาธิบดีวัย 74 ปีผู้นี้เอง, ของพรรครีพับลิกัน, ตลอดจนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

โดนัลด์ ทรัมป์

ถึงแม้เกือบเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วตั้งแต่ต้นๆ ว่าวุฒิสภาจะมีเสียงไม่เพียงพอสำหรับยืนยันว่าเขามีความผิดจริงตามข้อหา กระนั้น เมื่อมีคำตัดสินออกมาเสียที มันก็ย่อมทำให้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้รู้สึกโล่งอก

ในคำแถลงที่ออกมาหลังคำตัดสิน นอกจากทรัมป์ไม่ยอมพลาดในการประณามการดำเนินการในเรื่องนี้ของทางพรรคเดโมแครต ซึ่งเขาเรียกว่าเป็น “การล่าแม่มด” แล้ว เขายังพูดเกี่ยวกับอนาคตอีกด้วย

“ขบวนการแห่งประวัติศาสตร์ ซึ่งแสดงออกถึงความรักชาติ และทั้งสวยสดงดงาม ของพวกเรา ในการมุ่ง ‘ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง’ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นมาเท่านั้น” เขาบอก

“เรายังมีงานอีกมากมายเหลือเกินรออยู่ข้างหน้า และในเร็วๆ นี้เราจะผงาดขึ้นมาพร้อมกับวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่สดใส, ส่องสว่าง, และไร้ขีดจำกัดของอเมริกัน”

ทรัมป์นั้นทำท่าเห็นดีเห็นงามกับความคิดที่จะลงแข่งขันชิงทำเนียบขาวอีกครั้งในการเลือกตั้งสมัยต่อไปในปี 2024 และหากเขาถูกวุฒิสภาตัดสินว่ากระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ก็น่าที่จะปิดโอกาสไม่ให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับประเทศได้อีกต่อไป

ตั้งแต่ที่ออกจากทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ก็ปักหลักหลบเร้นอยู่แต่ในรีสอร์ต มาร์-อา-ลาโก ที่รัฐฟลอริดา ของเขา ขณะเดียวกันก็ถูกริบบัญชีทวิตเตอร์ซึ่งเขาเคยใช้ในการสื่อสารกับบรรดาสาวกจำนวนเป็นหลายๆ ล้านคน

แคปรี แคแฟโร ผู้เชี่ยวชาญซึ่งไปช่วยงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยอเมริกันในกรุงวอชิงตัน โดยที่เธอเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาของรัฐโอไฮโอโดยสังกัดพรรคเดโมแครตมาก่อน ให้ความเห็นว่าการได้พ้นความผิดเช่นนี้ อาจถูกใช้ให้เป็น “เครื่องปลุกขวัญเพื่อระดมพลพรรคให้พร้อมออกศึก” สำหรับทรัมป์และพวกผู้สนับสนุนของเขา

แต่ แคแฟโร กล่าวต่อไปว่า “สำหรับคนจำนวนมากแล้ว มรดกจากสมัยการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อมาถึงจุดนี้อาจจะนึกถึงแต่เหตุการณ์บุกสภาในวันที่ 6 มกราคม ไม่ว่าเขาจะพ้นผิดหรือไม่ก็ตามที”

“จะมีคนอเมริกันที่คิดอยู่เสมอว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทบางสิ่งบางอย่างในเรื่องนี้” เธอกล่าว และนั่นอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงพวกกิจกรรมในภาคเอกชนของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายนี้ด้วย

“มันแทบจะแน่นอนทีเดียวว่า เขาจะไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากต้องพยายามอยู่ในวงการเมืองต่อไป” เธอบอก

ทางด้าน เวนดี ชิลเลอร์ อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยบราวน์ เห็นด้วยว่าอนาคตของทรัมป์อาจจะถูกบีบรัดเหลือทางเลือกเพียงจำกัด

“ถ้าหากบริษัทสักแห่งเสนอให้เงินเขาไปปรากฏตัวขึ้นพูดปราศรัยแล้ว ปฏิกิริยาโต้กลับทางโซเชียลมีเดียก็จะพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วและสาหัสร้ายแรง โดยเป็นไปได้ว่าอาจเกิดกระแสบอยคอตต์ผลผลิตภัณฑ์ของบริษัทนั้นๆ “ ชิลเลอร์ กล่าว

“แม้กระทั่งการจัดประชุมหรือจัดงานกันในสถานที่ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทรัมป์ มันก็จะยังคงกลายเป็นปัญหาสำหรับพวกบริษัทใหญ่ที่เป็นบริษัทมหาชนซื้อขายหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ หรือพวกบริษัทซึ่งเสนอขายผลิตภัณฑ์แก่พวกผู้บริโภคโดยตรง” เธอบอก

พรรครีพับลิกัน

จากข้อเท็จจริงที่ว่าวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันส่วนข้างมาก ยังคงโหวตให้ทรัมพ์พ้นผิด คือสัญญาณอันชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า เขายังคงสามารถยึดเอาพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคนี้เอาไว้ในกำมืออย่างเหนียวแน่น

“พรรคนี้คือพรรคของเขา” มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน ส.ส.จากรัฐจอร์เจีย ที่เป็นหนึ่งในสาวกผู้ภักดีศรัทธาเขาเหนียวแน่นที่สุด กล่าวเอาไว้เช่นนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “มันไม่ได้เป็นพรรคของใครคนอื่นหน้าไหนทั้งสิ้น”

แต่ก็ยังคตงมีวุฒิสมาชิกรีพับลิกันจำนวน 7 คนออกเสียงให้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีความผิดตามข้อหา และมี ส.ส.พรรครีพับลิกัน 10 คนซึ่งได้โหวตร่วมกับพวก ส.ส.เดโมแครตเมื่อเดือนที่แล้วให้ดำเนินการไต่สวนเพื่อถอดถอนเขา โดยคนหนึ่งคือสมาชิกสำคัญลำดับ 3 ในสภาล่างของพรรค นั่นคือ ส.ส.ลิซ เชนีย์ ผู้เป็นบุตรสาวของอดีตรองประธานาธิบดีดิ๊ก เชนีย์

กระทั่ง มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ถึงแม้ออกเสียงให้ทรัมป์พ้นผิด แต่ก็พูดว่า อดีตประธานาธิบดีผู้นี้มีความรับผิดชอบ “ในทางปฏิบัติและในทางศีลธรรม” สำหรับความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม

มีชาวพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งที่วางตัวเองให้ออกห่างจากทรัมป์ และกำลังรวบรวมพลังและทรัพยากรต่างๆ เพื่อส่งตัวเองให้ทะยานสู่ทำเนียบขาวในการเลือกตั้งปี 2024

หนึ่งในจำนวนนี้คือ อดีตผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรโลนา และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำพสหประชาชาติ นิกกี้ เฮลีย์ ผู้ออกมากล่าวว่า ชาวรีพับลิกันผิดพลาดแล้วที่ไปสนับสนุนการรณรงค์ต่อสู้ของทรัมป์ในตอนพยายามพลิกผลการเลือกตั้ง อันเป็นเส้นทางซึ่งนำไปสู่การโจมตีรัฐสภาวันที่ 6 มกราคม

“เขาเดินไปบนเส้นทางสู่ความตกต่ำอย่างที่เขาไม่สมควรกระทำเลย และเราก็ไม่สมควรเดินตามเขาด้วย” เฮลีย์กล่าวในการให้สัมภาษณ์นิตยสาร โปลิติโค

เฮลีย์ยังบอกปัดข่าวลือข่าวกะเก็งกันที่ว่าทรัมป์ยังจะกลับมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 “ฉันไม่คิดว่าเขาสามารถทำอย่างนั้นได้” เธอบอก “เขาตกต่ำจนไกลเกินไปแล้ว”

กระนั้น ชาวรีพับลิกันที่กำลังเสนอแนวทางให้แยกทางกับทรัมป์อย่างเด็ดขาด เวลานี้ยังคงเป็นเสียงข้างน้อยอยู่ และจำนวนมากยังคงรู้สึกหวาดกลัวอำนาจที่เขามีเนื่องจากได้รับความจงรักภักดีอย่างเหนียวแน่นจากฐานเสียงของเขา

“พวกวุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่โหวตให้เขาพ้นผิด อาจจะกำลังปกป้องพวกเขาเองไม่ให้ถูกท้าทาย ซึ่งที่สำคัญคือการท้าทายจากปีกหัวรุนแรงสุดโต่งในพรรคของพวกเขาเอง ทั้งในการเลือกตั้ง (กลางสมัย) ปี 2022 และแม้กระทั่งในปี 2024” อาจารย์ชิลเลอร์ บอก “ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาก็อาจจะทำให้ตัวเองอยู่ในฐานะอ่อนแอมากขึ้น จนกระทั่งอาจจะแพ้ในการเลือกตั้งใหญ่ (ซึ่งผู้ออกเสียงมีทั้งชาวรีพับลิกันแลที่ไม่ใช่รีพับลิกัน)”

แคแฟโรก็สำทับว่า พวกสมาชิกรัฐสภาสังกัดรีพับลิกันที่ยังคงภักดีทรัมป์นั้น กำลังเล่นพนัน “ด้วยความเสี่ยงอย่างเหลือเชื่อ”

“พวกเขากำลังตัดสินใจโดยอิงอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ดำรงอยู่เพื่อช่วยเหลือพวกเขาแล้วในอีก 2 ปีข้างหน้า” เธอบอก

ยังมีอดีตเจ้าหน้าที่รีพับลิกันที่ต่อต้านทรัมป์อยู่กลุ่มหนึ่ง ได้เสนอแนวความคิดให้ก่อตั้งพรรคการเมืองพรรคที่ 3 ที่มีแนวทางกลาง-ขวาขึ้นมา ทว่านี่ไม่น่าจะได้รับแรงหนุนส่งอะไรนักหนา

โจ ไบเดน

การไต่สวนเพื่อถอดถอนทรัมป์ กลายเป็นสิ่งที่ค้างคาอยู่ในตอนเริ่มต้นวาระการเป็นประธานาธิบดีของไบเดน และพวกเดโมแครตต้องรู้สึกยินดีแน่นอนที่มันใช้เวลาแค่ 5 วันก็ยุติปิดฉากลงไปได้

ถึงตอนนี้วุฒิสภาจะอยู่ในฐานะพรักพร้อมสำหรับการพิจารณารับรองผู้ที่ไบเดนเสนอชื่อแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกในคณะรัฐบาลตลอดจนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ซึ่งยังคงคั่งค้างอยู่ รวมทั้งพิจารณาวาระทางนิติบัญญัตติของไบเดน ขณะที่สหรัฐฯต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างลำบากในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และกับความเดือดร้อนสาหัสในทางเศรษฐกิจ

“ประธานาธิบดีไบเดนทำดีมากในการแยกตัวเองให้ห่างจากกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอน และคยอส่งข้อความเตือนถึงวิกฤตโควิด-19 ตลอดจนวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เกิดพ่วงตามมา” ชิลเลอร์ บอก

แต่ถึงยังไง ทรัมป์ก็ยังคงเป็นพลังหนึ่งที่จะต้องขบคิดหาทางรับมือ

“พูดไม่ได้หรอกว่าเรามีภูมิคุ้มกันไม่ให้เกิดการประท้วง การเดินขบวน และการเคลื่อนไหวต่างๆ มากมายยิ่งกว่านี้ จากพวกขวาจัดแล้ว” แคแฟโร บอก “ถ้าหากเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นมา โจ ไบเดน จะรับมือกับมันยังไง นี่ยังเป็นอะไรที่จะต้องเฝ้าลุ้นติดตามกัน”

(ที่มา: เอเอฟพี)

(ภาพจากแฟ้ม) โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในเวลานั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยกับกลุ่มผู้สนับสนุนเขา ที่ชุมนุมกันอยู่ในสวนสาธารณะใกล้ๆ ทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยภายหลังทรัมป์ปราศรัย ม็อบเหล่านี้ก็เคลื่อนขบวนตรงไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ และบุกเข้าไปข้างใน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 5 คน
กำลังโหลดความคิดเห็น