xs
xsm
sm
md
lg

สบายๆ! ทรัมป์รอดถูกถอดถอนหนสอง วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติพ้นข้อกล่าวหายุยงจู่โจมรัฐสภา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(แฟ้มภาพ) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ณ ขณะนั้น กล่าวปราศรัยกับผู้สนับสนุนเมื่อวันที่ 6 มกราคม ตอกย้ำคำกล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานใดๆว่ามีการโกงผลเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน และยุยงกระตุ้นให้พวกเขา “สู้” ก่อนเกิดเหตุพวกผู้สนับสนุนบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา
วุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (13 ก.พ.) ลงมติให้โดนัลด์ ทรัมป์ พ้นจากข้อกล่าวหาในกระบวนการพิจารณาถอดถอนเขาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 ปี หลังจากสมาชิกรีพับลิกันขัดขวางตัดสินความผิดเขา ต่อบทบาทของอดีตประธานาธิบดีรายนี้ในเหตุการณ์ที่บรรดาผู้สนับสนุนเขาบุกโจมตีอาคารรัฐสภา

บรรดาสมาชิกวุฒิสภาลงคะแนน 57-43 เสียง มีคะแนนเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ที่จำเป็นสำหรับตัดสินทรัมป์ จากความผิดตามข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นก่อกบฏ หลังเปิดพิจารณาคดีเป็นเวลา 5 วัน ในอาคารเดียวกับที่บรรดาผู้สนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีบุกจู่โจมเมื่อวันที่ 6 มกราคม ไม่นานหลังจาก ทรัมป์ ขึ้นเวทีปราศรัยปลุกเร้าความไม่สงบ

ในการลงมติครั้งนี้ มีสมาชิกรีพับลิกัน 7 คนที่เข้าร่วมกับบรรดาวุฒิสมาชิกเดโมแครตทั้งหมดยกมือสนับสนุนคำกล่าวหา

ด้วยที่ ทรัมป์ พ้นจากตำแหน่งไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม ดังนั้น การถอดถอนนี้จึงไม่ได้ใช้สำหรับปลดเขาออกจากอำนาจ แต่บรรดาสมาชิกเดโมแครตหวังมีมติตัดสินความผิดอดีตประธานาธิบดีรายนี้ เพื่อให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา ที่มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ในนั้นเป็นตำรวจ 1 นาย และเพื่อดำเนินการลงมติห้ามเขาจากการดำรงตำแหน่งใดๆ ในหน่วยงานของรัฐไปตลอดกาล ตัดโอกาสที่เขาจะกลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกในอนาคต โดยพวกเขาอ้างว่า ทรัมป์ คงไม่รีรอที่จะยุยงสนับสนุนความรุนแรงทางการเมืองอีกครั้ง

ทนายความของทรัมป์โต้แย้งว่าคำปราศรัย ณ เวทีชุมนุมของทรัมป์นั้น ได้รับการปกป้องจากสิทธิตามรัฐธรรมนูญ สำหรับพูดแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี และบอกว่ากระบวนการไต่สวนทรัมป์นั้นไม่เป็นไปตามหลักรัฐธรรมนูญ

เมื่อครั้งการพิจารณาถอดถอนหนแรกเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2020 วุฒิสมาชิกรีพับลิกันพร้อมใจปกป้องทรัมป์ โดยมีเพียง มิตต์ รอมนีย์ เพียงคนเดียวที่ลงมติว่าทรัมป์มีความผิด และเห็นชอบให้ถอนถอนเขาพ้นจากตำแหน่ง

ส่วนในการลงมติหนล่าสุดในวันเสาร์ (13 ก.พ.) รอมนีย์ โหวตถอดถอนทรัมป์อีกรอบ และคราวนี้มีบรรดาสมาชิกรีพับลิกันอีก 6 คนที่เข้าร่วมด้วย ประกอบด้วย ริชาร์ด เบอร์, บิล คาสซิดี, ซูซษน คอลลินส์, เบน ซัสเซ, แพท ทูมีย์ และลิซา มูร์โคว์สกี

ความเคลื่อนไหวของวุฒิสภา เกิดขึ้นท่ามกลางความแตกแยกอย่างหนักในสหรัฐฯ จากประเด็นต่างๆ นานา ทั้งโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่, การเมือง, ผิวสี, เศรษฐกิจ, สังคมและศาสนา

ทั้งนี้ การพิจารณาถอดถอนทรัมป์ยิ่งทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม หลังเอาชนะ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้ง เรียกร้องช่วงเวลาแห่งการเยียวยาและสามัคคีกัน ตามหลัง 4 ขวบปีแห่งความยุ่งเหยิงของประธานาธิบดีคนก่อน และตามหลังการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง


ผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์ที่จัดทำโดยสำนักโพลอิสโซป พบว่า มีผู้ใหญ่ชาวสหรัฐฯ 71% เชื่อว่าอย่างน้อยๆ ทรัมป์ ควรมีส่วนรับผิดชอบบางส่วนสำหรับเป็นคนเริ่มชนวนการจู่โจมอาคารรัฐสภา แต่มีเพียงแค่ราวๆ 50% ที่คิดว่า ทรัมป์ ควรถูกลงโทษฐานยุยงก่อกบฏ

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ วัย 74 ปี ยังคงมีอิทธิพลค่อนข้างสูงในพรรคของเขา และมหาเศรษฐีที่ผันตัวสู่แวดวงการเมืองรายนี้ กำลังพิจารณาลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยในปี 2024

ทรัมป์ เป็นเพียงประธานาธิบดีรายที่ 3 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ถูกลงมติถอดถอนโดยสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎร แต่วุฒิสภายังคงไม่เคยมีมติถอดถอนประธานาธิบดีรายใดเลย

ระหว่างกระบวนการพิจารณาไต่สวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 9 คนทำหน้าที่เป็นอัยการ เรียกร้องวุฒิสภาตัดสินให้ทรัมป์มีความผิด ให้เขารับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมกับประชาธิปไตยของอเมริกา และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในอนาคต โดยพวกเขาได้เปิดคลิปวิดีโอตอนที่พวกก่อจลาจลบุกจู่โจมเข้าไปในอาคารรัฐสภา ข่มขู่ใช้ความรุนแรงกับเหล่านักการเมือง ในนั้นรวมถึงแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ณ ขณะนั้น

อัยการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชี้ว่า ทรัมป์เป็นคนเรียกม็อบมายังวอชิงตัน ออกคำสั่งให้พวกเขาเดินขบวน และจากนั้นก็วางเฉยไม่ทำอะไรเพื่อหยุดความรุนแรง

ทนายความจำเลยกล่าวหาเดโมแครต ว่าเพียงแค่พยายามปิดปากทรัมป์ ในฐานะฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เนื่องจากหวั่นกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากันอีกในอนาคต พร้อมบอกว่าเดโมแครตพยายามทำให้การปราศรัยที่พวกเขาไม่เห็นด้วยเป็นอาชญากรรม และมีเป้าหมายปฏิเสธเสียงของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลายสิบล้านคนที่สนับสนุนทรัมป์

นอกจากนี้ บรรดาทนายความของทรัมป์ ยังโต้แย้งด้วยว่าการพิจารณาครั้งนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะว่าเขาพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว

ในการพิจารณาถอนถอนหนแรก วุฒิสภาชิกลงมติให้ ทรัมป์ พ้นจากข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ใช้อำนาจโดยมิชอบ และขัดขวางสภาคองเกรส โดยกระบวนการถอดถอดนดังกล่าวเกิดขึ้นตามคำกล่าวหาที่ว่า ในปี 2019 ทรัมป์ เสาะหาความช่วยเหลือจากต่างชาติ กดดันยูเครนให้ดำเนินการสืบสวนไบเดน ในความพยายามบ่อนทำลาย ไบเดน ซึ่งเป็นคู่ปรับทางการเมืองของเขา

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น