ผู้นำของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ระบุในวันศุกร์ (5) ว่า พวกเขากำลังต้องการให้มีการประชุมพิเศษของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศในกลุ่มชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหารือสถานการณ์ในเมียนมาร์ หลังรัฐบาลจากการเลือกตั้งถูกรัฐประหารเมื่อต้นสัปดาห์
หลังจากถอยให้กับกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยของเมียนมาร์มานาน เมื่อวันจันทร์ (1) กองทัพได้เข้ายึดอำนาจและกล่าวหาว่ามีความผิดปกติในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนที่พรรคของ ออง ซาน ซูจี ชนะอย่างถล่มทลาย
หลังจากพบกับนายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซีย ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสองประเทศถูกร้องขอให้ไปพูดคุยกับบรูไน ประธานสมาพันธ์ประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) สมัยปัจจุบัน เพื่อจัดการประชุมพิเศษเรื่องเมียนมาร์
มูห์ยิดดินพูดถึงการรัฐประหารว่าเป็น "การก้าวถอยหลังในกระบวนการประชาธิปไตยของเมียนมาร์"
อย่างไรก็จตาม การประชุมเช่นนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นและการจัดเตรียมอาจเป็นเรื่องยาก เมื่อพิจารณาจากนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในเพื่อนสมาชิกของอาเซียนและการตอบสนองต่อการยึดอำนาจที่ผ่านมา
ในถ้อยแถลงที่ออกมาเมื่อต้นสัปดาห์ อาเซียน ซึ่งเมียนมาร์เป็นสมาชิก ระบุว่า พวกเขากำลังจับตาดูพัฒนาการต่างๆ ในประเทศนี้อย่างใกล้ชิด
ผู้นำของอินโดนีเซียและมาเลเซีย สองผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่สุดของโลก ยังเน้นย้ำถึงพันธกิจที่จะต้องจัดการกับการกีดกันน้ำมันปาล์มอย่างไม่เป็นธรรมด้วย
โจโควี กล่าวในคำปราศรัยของเขาว่า มันเป็นการเหมาะสมที่สองประเทศจะร่วมมือกันต่อสู้กับการกีดกันน้ำมันปาล์ม ในขณะที่มูห์ยิดดินกล่าวว่า การรณณรงค์ต่อต้านน้ำมันปาล์มในยุโรปบิดเบือนอุตสาหกรรมนี้
เมื่อเดือนที่แล้ว รอยเตอร์รายงานว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียกำลังพิจารณาจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์น้ำมันปาล์ม
โจโควีและมูห์ยิดดินยังกล่าวด้วยว่า พวกเขาจะหารือข้อตกลงอนุญาตการเดินทางแบบทางการและธุรกิจระหว่างสองประเทศท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และระบุว่า ได้มีการคุยเรื่องประเด็นชาวมุสลิมโรฮิงญาด้วยเช่นกัน
ที่มา รอยเตอร์
