อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ให้คำมั่นวานนี้ (3 ก.พ.) ว่าจะรณรงค์ให้นานาชาติร่วมกันกดดันกองทัพพม่า “เพื่อให้การรัฐประหารครั้งนี้ล้มเหลว”
กองทัพพม่าได้จู่โจมเข้าควบคุมตัวนางอองซานซูจี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลและพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เมื่อเช้ามืดวันจันทร์ (1) โดยอ้างว่าทำไปเพื่อตอบสนองการทุจริตเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว พร้อมประกาศมอบอำนาจให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมือง และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี
“เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อผนึกกำลังผู้เล่นสำคัญๆ และประชาคมโลก และสร้างแรงกดดันที่มากพอจะทำให้การรัฐประหารครั้งนี้ล้มเหลว” กูเตียร์เรส ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ “มันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้จริงๆ หลังจากที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ผมเชื่อว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ อีกทั้งยังมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านมานานพอสมควรแล้วด้วย”
การยึดอำนาจของกองทัพในครั้งนี้ทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยของพม่าถูกตัดขาดลงอย่างกะทันหัน และเรียกเสียงประณามอื้ออึงทั้งจากสหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกอื่นๆ
ร่างญัตติประณามที่อังกฤษได้เสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง 15 ประเทศ เรียกร้องให้กองทัพพม่าเคารพหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน รวมถึงคืนอิสรภาพให้แก่อองซานซูจี และบุคคลอื่นๆ ที่ถูกควบคุมตัวในทันที
อย่างไรก็ตาม ถ้อยแถลงนี้จำเป็นจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ และนักการทูตเชื่อว่าคงจะต้องมีการขัดเกลาสำนวนภาษาให้ “นุ่มนวล” ลงอีก หากจะทำให้รัสเซียและจีนซึ่งเป็นชาติที่ปกป้องพม่าในเวทียูเอ็นมาโดยตลอดยอมร่วมมือด้วย
ล่าสุด ตำรวจพม่าได้ตั้งข้อหา ซูจี ฐานนำเข้าอุปกรณ์สื่อสารผิดกฎหมายเมื่อวานนี้ (3)
“ถ้าเราจะกล่าวหาอองซานซูจีบางสิ่งบางอย่าง ก็คงจะเป็นเรื่องที่เธอใกล้ชิดกับกองทัพมากเกินไป, ปกป้องกองทัพมากเกินไป ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา” กูเตียร์เรส ระบุ
ปฏิบัติการกวาดล้างชาวโรฮิงญาที่รัฐยะไข่เมื่อปี 2017 ทำให้มีชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คนอพยพหนีตายข้ามไปยังบังกลาเทศ และปัจจุบันคนเหล่านี้ก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยที่แออัด
กูเตียร์เรส และชาติตะวันตกกล่าวหากองทัพพม่าว่ากระทำการอันเข้าข่ายกำจัดชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ทว่ากองทัพพม่ายืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด
เลขาธิการใหญ่ยูเอ็นเน้นย้ำว่า กองทัพพม่าจะต้องปลดปล่อยบุคคลที่ถูกควบคุมตัวระหว่างการทำรัฐประหารทันที และฟื้นฟูกฎระเบียบภายใต้รัฐธรรมนูญ
“ผมหวังว่ามันคงเป็นไปได้ที่เราจะทำให้กองทัพพม่าเข้าใจว่า นี่ไม่ใช่วิธีปกครองประเทศ และไม่ใช่หนทางที่จะก้าวไปข้างหน้า”
ที่มา : รอยเตอร์