ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ปกป้องการตัดสินใจของเขา ที่ชะลอล็อกดาวน์รอบที่ 3 ในวันเสาร์ (30 ม.ค.) ระบุเชื่อมั่นในศักยภาพของประชาชนในการควบคุมโควิด-19 โดยยังคงบังคับใช้ข้อจำกัดต่างๆ ที่ยังไม่เข้มข้นสุดขีด แม้ว่ากำลังเผชิญกับการแพรระบาดระลอกที่ 3 และเผชิญปัญหาติดขัดในการแจกจ่ายวัคซีน
นับตั้งแต่วันอาทิตย์ (31 ม.ค.) เป็นต้นไป ฝรั่งเศสจะปิดชายแดนทั้งขาออกและมาจากประเทศต่างๆ นอกสหภาพอียู ยกเว้นแต่มีความจำเป็นจริงๆ ขณะเดียวกัน นักเดินทางขาเข้าภายในกลุ่มจะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ส่วนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จะปิดบริการ และตำรวจจะยกระดับลาดตระเวนบังคับใช้เคอร์ฟิวเวลา 18.00 น.
อย่างไรก็ตาม มาครง ไม่ได้ออกคำสั่งล็อกดาวน์ช่วงกลางวันรอบใหม่ โดยระบุว่าต้องการเห็นก่อนว่ามาตรการอื่นๆ ที่ประกาศออกมานั้น เพียงพอสำหรับชะลอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่
“ผมเชื่อมั่นในพวกเรา แต่ละชั่วโมงที่เราก้าวผ่านนั้นมีความสำคัญยิ่ง จงทำในสิ่งที่เราทำได้เพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ด้วยกัน” มาครงระบุ
ด้วยในบรรดาผู้ติดเชื้อทั้งหมดนั้น มีอยู่ 10% ที่เป็นผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบในสหราชอาณาจักร บรรดาเจ้าหน้าที่แพทย์ระดับสูงจึงแนะนำให้ล็อกดาวน์รอบใหม่ และผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งพบว่ามีชาวฝรั่งเศสมากกว่า 3 ใน 4 ที่เชื่อว่าการล็อกดาวน์อีกครั้งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้แล้วในโพลยังพบว่าความเชื่อมั่นของประชาชนเริ่มลดลงต่อแนวทางรับมือกับวิกฤตโรคระบาดใหญ่ของรัฐบาล
มาครง ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก ต่อกรณีที่โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ล่าช้ากว่าประะเทศยักษ์ใหญ่อื่นๆของอียู และล้าหลังสหราชอาณาจักร หรือสหรัฐฯ ค่อนข้างมาก โดยข้อมูลล่าสุดของฝรั่งเศสพบว่าจนถึงตอนนี้พวกเขาเพิ่งฉีดวัคซีนไปได้เพียง 1.45 ล้านโดส ขณะที่สหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนไปแล้ว 8.4 ล้านโดส
ฝรั่งเศส รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 24,393 คนในวันเสาร์ (30 ม.ค.) เป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่เกินกว่า 20,000 คน หลายวันติดต่อกัน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,177,879 คน ในนั้นเสียชีวิต 75,862 ราย หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 242 คน
อัตราการติดเชื้อใหม่ยังคงต่ำกว่าเมื่อครั้งที่ฝรั่งเศสเข้าสู่คำสั่งล็อกดาวน์ครั้งแรกในเดือนตุลาคม แต่อัตราคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อยู่ในระดับที่พอๆ กัน
ซามิ เทอร์กิ ชาวบ้านในกรุงปารีสกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องดีสำหรับตอนนี้ แม้กระทั่งด้านจิตใจ ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ แต่สิ่งเดียวที่ผมกังวลคือ เมื่อครั้งที่เราตัดสินใจล็อกดาวน์ มันอาจเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไป”
(ที่มา : รอยเตอร์)