กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยก่อการร้ายทั่วประเทศในวันพุธ (27 ม.ค.) อ้างถึงความเป็นไปได้ของภัยคุกคามจากฝีมือพวกหัวรุนแรงที่ต่อต้าน “โจ ไบเดน” ในฐานะประธานาธิบดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเริ่มกระบวนการถอดถอนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลางเดือนกุมภาพันธ์
ประกาศเตือนภัยก่อการร้ายระบุว่า ความกล้าของพวกหัวรุนแรงถูกปลุกขึ้นมาจากเหตุการณ์บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จู่โจมอาคารรัฐสภาด้วยความเดือดดาลและสูญเสียเลือดเนื้อ เมื่อวันที่ 6 มกราคม และพวกเขาอาจลงมือโจมตีบรรดาจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกตั้งและอาคารสำนักงานต่างๆ ของรัฐบาล
คำเตือนนี้มีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ในแคลิฟอร์เนียตั้งข้อหาผู้สนับสนุนทรัมป์รายหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกขบวนการติดอาวุธขวาจัดกลุ่มหนึ่ง ในข้อหาครอบครองไปป์บอมบ์ผลิตเอง 5 ลูก ด้วยเชื่อว่าเขามีเจตนาใช้มันโจมตีบรรดาสมาชิกเดโมแครต
ถ้อยแถลงตือนก่อการร้ายผ่านระบบ National Terrorism Advisory System (NTAS) ระบุว่าภัยคุกคามของเหตุโจมตีต่างๆ นานาอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกหลายสัปดาห์ ตามหลังพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน และเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภา
“ข้อมูลบ่งชี้ว่าพวกหัวรุนแรงที่มีรูงใจทางอุดมการณ์บางอย่าง ไม่เห็นด้วยต่อการใช้อำนาจของรัฐบาลและการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี เช่นเดียวกับความคับข้องใจอื่นๆ ที่โหมกระพือขึ้นจากเรื่องเล่าผิดๆ อาจยังเดินหน้าระดมพลปลุกปั่นและก่อความรุนแรง” กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุ
มีความกังวลด้านความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาของการพิจารณาถอดถอนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในชั้นวุฒิสภา ซึ่งจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์
ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติถอดถอนทรัมป์ ด้วยความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่น สนับสนุนเหตุโจมตีอาคารรัฐสภา และเมื่อวันจันทร์ (25 ม.ค.) สภาผู้แทนฯ ได้ยื่นญัตติถอดถอนทรัมป์ เข้าสู่การพิจารณาไต่สวนของวุฒิสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สมาชิกวุฒิสภาสาบานตนเป็นคณะตุลาการเพื่อไต่สวนกรณีทรัมป์ในวันอังคาร (26 ม.ค.) และเวลานี้ทีมกฎหมายของทรัมป์และทีมถอดถอนของสภาผู้แทนฯ จะมีเวลาสองสัปดาห์ในการเตรียมการก่อนไต่สวน ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ได้ว่าจ้าง บุตช์ โบวเวอร์ส จากรัฐเซาท์แคโรไลนา เป็นทนายความส่วนตัวเพื่อช่วยแก้ต่าง
แม้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิยอมรับว่าไม่มีข้อมูลใดที่บ่งชี้ถึงภัยคุกคามอย่างเจาะจงและความน่าเชื่อถือของภัยคุกคาม แต่ระบุว่า “เหตุจลาจลรุนแรงยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และเรายังคงกังวลว่าบรรดาบุคคลที่ผิดหวังต่อการใช้อำนาจของทางการ และการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดี อาจเดินหน้าระดมพลตัวแสดงที่มีแรงจูงใจทางอุดมการณ์ เพื่อปลุกปั่นและก่อความรุนแรง”
ประกาศเตือนมีขึ้น 2 วัน หลังจากเพนตากอนแถลงยืนยันว่า กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิหลายพันนายที่ถูกส่งเข้าประจำการในวอชิงตัน สำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของไบเดน จะอยู่ในเมืองหลวงต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม สืบเนื่องจากข่าวกรองของเอฟบีไอที่พบความเป็นไได้ที่จะเกิดภัยคุกคามต่างๆ นานา นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยก่อการร้ายจากฝีมือของพวกหัวรุนแรงสุดขั้วภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคาร (26 ม.ค.) ทางกระทรวงยุติธรรมเผยว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีกมากกว่า 150 คน ในความเกี่ยวข้องกับเหตุจู่โจมอาคารรัฐสภา และอีกหลายร้อยคนอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวน
การสืบสวนที่ยกระดับขึ้น มุ่งเน้นไปที่ข้อกล่าวหาสมคบคิดและปลุกระดม ซึ่งมีโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปี จากการเปิดเผยของไมเคิล เชอร์วิน รักษาการอัยการรัฐวอชิงตัน
มีรายงานว่า เอฟบีไอยังคงตามล่าบุคคลหรืออาจเป็นกลุ่มคนที่ลอบวางระเบิดไปป์บอมบ์ 2 ลูกใกล้อาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยระเบิดดังกล่าวเป็นของจริง แต่ไม่เคยถูกจุดชนวน และทางเอฟบีไอตั้งรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสในคดีนี้ 75,000 ดอลลาร์
(ที่มา : เอเอฟพี)