เอเจนซีส์ - รักษาการรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ลาออกกะทันหัน ท่ามกลางคำเตือนจากเอฟบีไอว่ากลุ่มติดอาวุธสาวก “ทรัมป์” เตรียมป่วนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ “ไบเดน” ทั้งในกรุงวอชิงตัน และทั่วอเมริกาสัปดาห์หน้า ด้านเพนตากอนระดมกองกำลังเนชันแนลการ์ด 15,000 คนพร้อมรับมือเต็มพิกัด ขณะที่ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองหลวง รวมทั้งสั่งการรัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือเพื่อรับมือเหตุการณ์รุนแรง
แชด วูล์ฟ ประกาศลาออกจากตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โดยไม่มีใครคาดคิดเมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) นับเป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีคนที่ 3 ที่ลาออกหลังเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จู่โจมเข้าไปในอาคารรัฐสภา หรือแคปิตอล เมื่อวันพุธที่แล้ว (6) เพื่อพยายามขัดขวางแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ให้คองเกรสรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
ทั้งนี้ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเป็นผู้กำกับดูแลหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมากมาย รวมถึงซีเคร็ต เซอร์วิส หรือหน่วยอารักขาประธานาธิบดีและรักษาความปลอดภัยทำเนียบขาว
วูล์ฟที่ลาออกโดยอ้างเหตุผลในเรื่องกระบวนวิธีดำเนินการ ได้เสนอชื่อ พีต เกย์เนอร์ ผู้บริหารสำนักงานการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลกลาง เข้ารักษาการแทนตน
กระนั้น การดำเนินการเช่นนี้ไม่สามารถคลายข้อสงสัยที่ว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตันอย่างเหมาะสมหรือไม่ในสัปดาห์หน้าที่จะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน และกมลา แฮร์ริส ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ ในวันพุธ (20)
ในวันจันทร์ พวกสื่อท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ได้ออกเอกสารภายในเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่พวกผู้สนับสนุนทรัมป์ซึ่งติดอาวุธ เช่น กลุ่มขวาจัด “บูกาลู บอยส์” มีแผนก่อการประท้วงและบุกที่ทำการรัฐบาลในเมืองเอกของทั้ง 50 รัฐในวันที่ 20 นอกจากนั้นยังมีกลุ่มติดอาวุธกลุ่มหนึ่งขู่ก่อความรุนแรง ถ้ารัฐสภาพยายามถอดถอนทรัมป์
ทางด้านทำเนียบขาวออกคำแถลงระบุว่า ทรัมป์ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงวอชิงตัน รวมทั้งสั่งการรัฐบาลกลางให้ความช่วยเหลือเพื่อเสริมความพยายามในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนที่ 59 ในช่วงระหว่างวันที่ 11-24 มกราคม
คำสั่งนี้เป็นการมอบอำนาจให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิดำเนินการเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงระบบสาธารณสุขและความปลอดภัย และบรรเทาหรือหลีกเลี่ยงการคุกคามในการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในวอชิงตัน ดีซี
นอกจากนั้น นายพลแดเนียล โฮแคนสัน เจ้ากรมกองกำลังป้องกันชาติ สังกัดกระทรวงกลาโหมยังแถลงว่า เตรียมส่งทหารกองกำลังป้องกันชาติ (เนชันแนลการ์ด) 15,000 คน เข้ารักษาความปลอดภัยระหว่างพิธีสาบานตนของไบเดน เพิ่มเติมจากที่มีทหารประจำอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี.แล้ว 6,200 คน โดยทหาร 10,000 คนจะเดินทางถึงในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อให้ความช่วยเหลือในการรักษาความปลอดภัย การส่งกำลังบำรุง และการสื่อสาร และอีก 5,000 คนสำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในวันที่ 20
ทหารเหล่านี้จะมีอุปกรณ์และอาวุธป้องกันเหตุจลาจล แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดอาวุธระหว่างรักษาความสงบเรียบร้อยบนท้องถนนในเมืองหลวง
มีรายงานว่า ก่อนประกาศลาออก วูล์ฟได้สั่งเร่งรัดการเตรียมการของหน่วยซีเคร็ต เซอร์วิส โดยอ้างอิงเหตุจลาจลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เวลานี้การจัดเตรียมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีการติดตั้งแนวรั้วรักษาความมั่นคงปลอดภัยรอบๆ อาคารรัฐสภาซึ่งจะเป็นสถานที่จัดพิธี
ขณะเดียวกัน เมอรีล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีของกรุงวอชิงตัน เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนไบเดนงดเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงในวันที่มีพิธีสาบานตน จากปกติที่พิธีนี้ดึงดูดคนอเมริกันนับแสนหรือบางครั้งมากกว่าล้านไปยังวอชิงตัน
การจัดเตรียมพิธีนี้ยังมีขึ้น ขณะที่ในวันอังคาร (12) สมาชิกของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นฝ่ายกุมเสียงข้างมากอยู่ มีกำหนดโหวตในญัตติขอให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ปลดทรัมป์เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และแต่งตั้งเพนซ์รักษาการแทนจนกว่าจะครบวาระในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ดี แผนการนี้ยิ่งทำท่าจะไม่เป็นผล หลังจากเมื่อวันจันทร์ เพนซ์ได้พบกับทรัมป์เป็นครั้งแรกนับจากเหตุการณ์ม็อบนับพันบุกสภาเมื่อวันพุธที่แล้ว และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งระบุว่า การพูดคุยเป็นไปด้วยดีจากก่อนหน้านี้ที่ทรัมป์ไม่พอใจเพนซ์อย่างหนักว่า ไม่ยอมช่วยพลิกผลการเลือกตั้ง
แต่เดโมแครตในรัฐสภาก็จะเดินหน้าในขั้นต่อไปทันที นั่นคือ เริ่มกระบวนการเพื่อให้มีการถอดถอนทรัมป์ จากความผิดของเขาในกรณีปลุกปั่นผู้สนับสนุนบุกล้อมและทำลายทรัพย์สินในรัฐสภาซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน คาดว่าสภาล่างจะโหวตญัตตินี้ได้ในวันพุธ (13)