บรรดาผู้สนับสนุนหัวรุนแรงของโดนัลด์ ทรัมป์ ติดอาวุธหลายพันคน มีแผนปิดล้อมรัฐสภาสหรัฐฯ ก่อนพิธีสาบานตนของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากการเปิดเผยของสมาชิกสภาคองเกรสรายหนึ่งเข้ารับฟังรายงานสรุปเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ (11 ม.ค.) เกี่ยวกับภัยคุกคามใหม่ที่มีต่อสมาชิกรัฐสภาและตัวอาคารสภาคองเกรสเอง
“พวกเขาพูดถึงพวกชาตินิยมติดอาวุธ 4,000 รายเข้าปิดล้อมอาคารรัฐสภา และขัดขวางไม่ให้สมาชิกเดโมแครตรายใดเข้าไปภายใน” คอนอร์ แลมบ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต รัฐเพนซิลเวเนีย ให้สัมภาษณ์กับรายการ “นิวเดย์” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น “พวกเขาเผยแพร่กฎการปะทะ หมายถึงตอนที่ควรยิงหรือไม่ยิง ดังนั้นนี่คือกลุ่มจัดตั้งที่มีแผนการอย่างหนึ่งอย่างใด พวกเขาตั้งใจทำในสิ่งที่เขากำลังทำ เพราะผมคิดว่าในความคิดของพวกเขาเอง พวกเขาคือผู้รักชาติ และพวกเขาพูดถึงปี 1776”
แลมบ์ อ้างถึงสงครามประกาศอิสรภาพเมื่อปี 1776 ที่สหรัฐฯ ประกาศสงครามต่อเจ้าอาณานิคมอังกฤษ สามารถปลดแอกและจัดตั้งประเทศได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม จากนั้นยังมีสงครามระหว่างสองชาตินี้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนั้นอังกฤษถึงกับยึดและเผากรุงวอชิงตันเลยทีเดียว
เขากล่าวต่อว่า “เราจะไม่เจรจาหรือใช้เหตุผลกับคนเหล่านี้ พวกเขาต้องถูกดำเนินคดี พวกเขาต้องหยุดเคราะห์ร้าย ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดี นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาควรถูกถอดถอนและปลดพ้นจากตำหน่ง”
รายงานสรุปในวันจันทร์ (11 ม.ค.) มีขึ้นหลังจากเอฟบีไอเผยแพร่ประกาศเตือนว่า “พวกผู้ประท้วงติดอาวุธ” มีแผนชุมนุมตามเมืองเอกในทุก 50 รัฐ และในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อความกังวลขั้นสูงแก่บรรดาสมาชิกรัฐสภาและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หลังจากเพิ่งเกิดเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเดโมแครต 2 คน เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่าพวกเขาได้ทบทวนสถานการณ์ต่างๆ นานาระหว่างการรับฟังรายงานสรุปเมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความจริงจังอย่างมากกับภัยคุกคามต่างๆ นานา และความพยายามดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นว่าสถานการณ์ด้านความปลอดภัยนี้นต่างไปจากเดิมแล้วในตอนนี้
นอกจากนี้แล้ว สมาชิกรายดังกล่าวยังเผยด้วยว่าบรรดาสมาชิกรัฐสภา หวังว่ากองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิที่ถูกส่งมายังเมืองหลวงจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน เพราะแม้ว่า ส.ส.จะมีความไว้วางใจพวกเขาเกือบทั้งหมด แต่จำนวนมากก็จะมาจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)