รอยเตอร์ - เมืองต่างๆ ทั่วอเมริกาเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกรับมือกระแสการประท้วงและความรุนแรงรอบใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งตั้งแนวกีดขวางและระดมกองกำลังป้องกันชาติ หลังเอฟบีไอเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่มีอาวุธจะบุกโจมตีอาคารรัฐสภาในทั้ง 50 รัฐตั้งแต่วันเสาร์ (16 ม.ค.) จนถึงวันพุธ (20 ม.ค.) ที่ไบเดนทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่
มิชิแกน เวอร์จิเนีย วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย และวอชิงตัน เป็นส่วนหนึ่งของกว่าสิบมลรัฐที่ระดมกองกำลังป้องกันประเทศมารักษาความปลอดภัย ขณะที่ตัวเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. กลายสภาพไม่ต่างจากเมืองร้าง ถนนหลายสายใกล้อาคารรัฐสภาหรือแคปิตอลปิด และทหารกองกำลังป้องกันประเทศในชุดพรางประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วใจกลางเมือง
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกลุ่มหัวรุนแรง บุกแคปิตอลเมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา โดยมีบางคนขู่เอาชีวิตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ที่เป็นประธานกระบวนการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของโจ ไบเดน
ประธานคณะกรรมาธิการ 4 ชุดของสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดพรรคเดโมแครต ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรอง คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คณะกรรมาธิการตรวจสอบ และคณะกรรมาธิการตุลาการ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (16 ม.ค.) ว่าได้เปิดการตรวจสอบเหตุการณ์จลาจลดังกล่าวและทำจดหมายถึงสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) รวมทั้งหน่วยงานความมั่นคงอื่นๆ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคาม และต้องการรู้ว่า มีการแบ่งปันข้อมูลนั้นหรือไม่ และต่างชาติมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่
ทั้งนี้ มีการประท้วงประปรายในวันเสาร์ แต่รัฐสภาของรัฐต่างๆ ยังเงียบสงบเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายพุ่งความสนใจไปที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาล “บูกาลู” ที่นัดประท้วงใน 50 รัฐในวันอาทิตย์ (17 ม.ค.)
สตีฟ แม็กครอว์ ผู้อำนวยการกรมความปลอดภัยสาธารณะแห่งรัฐเทกซัส แถลงเมื่อคืนวันศุกร์ (15 ม.ค.) ว่า ได้รับข่าวกรองระบุว่า กลุ่มหัวรุนแรงที่มีอาวุธอาจประท้วงในเมืองออสตินเพื่อ “กระทำความผิดทางอาญา” ดังนั้น รัฐเทกซัสจึงสั่งปิดอาคารรัฐสภาจนถึงวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน
ทั้งนี้ ทั้งเพื่อรับมือด้านความปลอดภัยและป้องกันวิกฤตโรคระบาด งานเฉลิมฉลองการเข้ารับตำแหน่งของไบเดนจะจัดทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าที่ประธานาธิบดีผู้นี้ยังมีแผนทำพิธีสาบานตนและปราศรัยในแคปิตอลตามธรรมเนียมก็ตาม
จดหมายข่าวกรองร่วมที่จัดทำโดยเอฟบีไอ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ลงวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า การมองการจลาจลเมื่อวันที่ 6 ว่าประสบความสำเร็จอาจกระตุ้นให้กลุ่มหัวรุนแรงในประเทศที่ได้แรงบันดาลใจจากกระแสต่อต้านรัฐบาล เชื้อชาติ และความไม่พอใจที่สองพรรคใหญ่มีความเห็นตรงกัน ฮึกเหิมและพร้อมก่อความรุนแรงครั้งใหม่ และการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้งยังอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นต่อเนื่องสำหรับกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้
รอยเตอร์รายงานว่า ทหารนับพันนายจากกองกำลังป้องกันประเทศลาดตระเวนอยู่บนถนนสายต่างๆ ในวอชิงตัน นอกจากนั้นยังมีการปิดสะพานหลายแห่งในเมืองหลวงของอเมริกา เช่นเดียวกับเนชันแนล มอลล์ ที่อยู่ระหว่างอนุสรณ์สถานลินคอล์นและรัฐสภา และมีพิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานหลายแห่งตั้งอยู่รายรอบ รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ
นอกจากนั้น เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา ตำรวจวอชิงตันยังจับกุมชายเวอร์จิเนียคนหนึ่งชื่อว่า เวสลีย์ อัลเลน บีเลอร์ ที่ด่านตรวจเนื่องจากแสดงหนังสือรับรองปลอมเพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตน และจากการตรวจค้นยังพบปืนสั้นหนึ่งกระบอกและกระสุนกว่า 500 นัด
บีเลอร์ให้สัมภาษณ์วอชิงตัน โพสต์ในเวลาต่อมาว่า เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในวอชิงตัน และถูกเรียกที่ด่านตรวจหลังจากหลงทาง ทั้งยังบอกว่า ลืมไปว่ามีปืนในรถและไม่ได้มีกระสุนมากมายอย่างที่เป็นข่าว โดยหลังจากไปรายงานตัวต่อศาลเมื่อวันเสาร์ บีเลอร์ได้รับการปล่อยตัวและนัดขึ้นศาลอีกครั้งในเดือนมิถุนายน
นอกจากอาคารรัฐสภาในทุกรัฐแล้ว ยูไนเต็ด เชิร์ช ออฟ ไครสต์ ที่เป็นตัวแทนโบสถ์คริสต์นิกายโปรแตสแตนต์กว่า 4,900 แห่ง ยังเตือนสมาชิกราว 800,000 คนว่า มีรายงานว่า โบสถ์ “เสรีนิยม” อาจถูกโจมตีในสัปดาห์นี้
ขณะเดียวกัน หลังเหตุการณ์ม็อบบุกสภาเมื่อวันที่ 6 สมาชิกกลุ่มพลเรือนติดอาวุธบางคนเผยว่า จะไม่เข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนอาวุธปืนในริชมอนด์ เมืองหลวงของรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งเจ้าหน้าที่กังวลว่า อาจเกิดความรุนแรงเนื่องจากกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มจะไปชุมนุมกัน ขณะที่กลุ่มติดอาวุธบางกลุ่มเตือนสมาชิกงดออกจากบ้านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากทางการได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัย หรืออาจมีความเสี่ยงที่กิจกรรมต่างๆ ที่วางแผนไว้เป็นกับดักของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย