สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯลงมติ 232 ต่อ 197 เสียง ในวันพุธ (13 ม.ค.) ถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ตามข้อกล่าวหายุยงให้ก่อการกบฏ ไม่ถึงสัปดาห์หลังฝูงม็อบผู้สนับสนุนเขาบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา ทำให้ ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกลงมติถอดถอนถึง 2 ครั้ง
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ลงมติ 232 ต่อ 197 เสียง ตามหลังเหตุจู่โจมครั้งเสียเลือดเสียเนื้อต่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ โดยมีสมาชิกรีพับลิกันถึง 10 คน ที่หันไปเข้าร่วมกับพรรคเดโมแครต ในการยกมือสนับสนุนการถอดถอนทรัมป์พ้นจากเก้าอี้ประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าการลงมติถอดถอนที่รวดเร็วเป็นพิเศษครั้งนี้ คงไม่อาจทำให้ ทรัมป์ พ้นจากเก้าอี้ก่อนสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี และก่อนว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากเดโมแครต จะเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม ด้วยที่ มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากรีพับลิกัน ปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากเดโมแครต ที่ขอให้วุฒิสภาเปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อเริ่มพิจารณาถอนถอนทรัมป์ในทันที
แม็กคอนเนลล์ เปิดเผยว่า วุฒิสภาจะเริ่มพิจารณาญัตติถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในสัปดาห์หน้า หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส่งมอบบทบัญญัติการถอดถอนมาแล้ว
โดยแม็กคอนเนลล์บอกว่า จะไม่มีการเริ่มพิจารณาใดๆ จนกว่าวุฒิสภามีกำหนดกลับสู่การประชุมสมัยสามัญในวันที่ 19 มกาคม หรือเพียง 1 วันก่อนพิธีสาบานตนรับตำแหน่งขจองไบเดน อย่างไรก็ตาม การพิจารณาจะเดินหน้าต่อไปในวุฒิสภา แม้ว่า ทรัมป์ หมดวาระการดำรงตำแหน่งแล้วก็ตาม
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ลงมติผ่านบทบัญญัติการถอดถอนตามข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการว่า ทรัมป์ ยุยงให้ก่อการกบฏ โดยมุ่งเน้นไปที่คำปราศรัยปลุกปั่นของเขาที่พูดกับบรรดาผู้สนับสนุนหลายพันคน ไม่นานก่อนที่ฝูงม็อบฝักใฝ่ทรัมป์ บุกจู่โจมและอาละวาดไปทั่วอาคารรัฐสภา
ฝูงม็อบก่อความวุ่นวายแก่การรับรองอย่างเป็นทางการของรัฐสภา ต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ของไบเดนที่มีเหนือทรัมป์ ส่งผลให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาต้องหลบซ่อนตัวเพื่อความปลอดภัย และมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง
ระหว่างการปราศรัยนั้น ทรัมป์ ตอกย้ำคำกล่าวหาว่าการเลือกตั้งมีการโกงอย่างมโหฬาร และปลุกเร้าให้บรรดาผู้สนับสนุนเดินขบวนไปรัฐสภา
การอภิปรายพิจารณาถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิจำนวนมากและติดอาวุธไรเฟิลประจำการอยูู่ทั้งภายในและบอกอาคารรัฐสภา หลังจากเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาในที่ประชุมสภาแห่งเดียวกันนี้ บรรดาสมาชิกสภาต่างต้องมุดหลบอยู่ใต้เก้าอี้และสวมหน้ากากป้องกันแก๊ส ระหว่างที่พวกก่อจลาจลปะทะกับตำรวจอยู่บริเวณด้านนอกประตู
“ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ยุยงก่อกบฏในครั้งนี้ กลุ่มกบฏติดอาวุธพวกนี้ต่อต้านประเทศที่เราอยู่ร่วมกัน” แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเดโมแครต กล่าวในห้องประชุมก่อนการลงมติ “เขาต้องไป เขาเป็นตัวอันตรายอย่างชัดแจ้งต่อประเทศแห่งนี้ที่เราทุกคนรัก”
ไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายใดที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งผ่านการถอดถอน โดย 3 หนก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย ทรัมป์ ในปี 2019, บิล คลินตัน ในสปี 1998 และ แอนดรูว์ จอห์นสัน ในปี 1868 เคยถูกถอดถอนโดยสภาผู้แทนราษฎร แต่วุฒิสภาลงมติให้พ้นผิดจากทุกข้อกล่าวหา
การถอดถอนมีขึ้นในช่วงเวลที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรงในช่วงท้ายวาระการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ โดยสมาชิกรีพับลิกันบางส่วนระบุว่า การผลักดันถอดถอนเป็นการเร่งรีบด่วนตัดสินเกินไป ข้ามขั้นตอนที่รอบคอบต่างๆ นานา อย่างเช่นการรับฟังข้อคิดเห็น (Hearings) และเรียกร้องสมาชิกเดโมแครต ละทิ้งความพยายามดังกล่าวที่สั่นคลอนความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของประเทศ
จิม จอร์แดน ส.ส.รีพับลิกันจากโอไฮโอ พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ถึงขั้นกล่าวหาสมาชิกพรรคเดโมแครตว่าดำเนินการอย่างไม่ยั้งคิดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองล้วนๆ
อย่างไรก็ตาม มีสมาชิกรีพับลิกันจำนวนหนึ่งสนับสนุนญัตติถอดถอน ในนั้นรวมถึง ลิซ เชนีย์ ผู้นำหมายเลข 3 ของรีพับลิกัน ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และ เจมี เฮอร์เรรา บีทเลอร์ ซึ่งกล่าวว่า “ฉันไม่ได้เลือกข้าง ฉันเลือกความจริง” ระหว่างแถลงให้การสนับสนุนถอดถอนซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากเดโมแครต “มันเป็นหนทางเดียวที่จะเอาชนะความกลัว”
ผิดจากธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านๆ มา ในคราวนี้บรรดาแกนนำรีพับลิกันไม่ได้เรียกร้องให้สมาชิกพรรคลงมติคัดค้านญัตติถอดถอน โดยยกให้เป็นเรื่องของมโนธรรมส่วนบุคคล
ภายใต้รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มติถอดถอนของสภาผู้แทษราษฎร จะนำมาซึ่งการเปิดพิจารณาในวุฒิสภา ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเสียง 2 ใน 3 เพื่อถอดถอนทรัมป์ นั่นหมายความว่าต้องมีสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาอย่างน้อย 17 คน เข้าร่วมกับเดโมแครต มติถอดถอนถึงจะผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาซึ่งมีทั้งหมด 100 ที่นั่ง
(ที่มา : รอยเตอร์)